1. หน้าแรก
  2. VoiceOver
  3. โปรแกรมเปลี่ยนเสียง
VoiceOver

โปรแกรมเปลี่ยนเสียง

Cliff Weitzman

คลิฟ ไวซ์แมน

ซีอีโอ/ผู้ก่อตั้ง Speechify

#1 โปรแกรมสร้างเสียง AI.
สร้างเสียงพากย์คุณภาพมนุษย์
ในเวลาจริง

รางวัลออกแบบ Apple 2025
ผู้ใช้กว่า 50 ล้านคน
ทดลองฟรี
ฟังบทความนี้ด้วย Speechify!
speechify logo

โปรแกรมเปลี่ยนเสียงคืออะไร?

โปรแกรมเปลี่ยนเสียง หรือที่เรียกกันว่าโปรแกรมปรับเสียง เป็นแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนเสียงของคุณได้แบบเรียลไทม์ มันสามารถเปลี่ยนเสียงของคุณให้เหมือนกับตัวละครต่างๆ เพศที่ต่างกัน หรือแม้กระทั่งเพิ่มเอฟเฟกต์เสียงเช่นเสียงสะท้อนหรือการเปลี่ยนระดับเสียง เทคโนโลยีนี้มีการใช้งานในหลายด้าน ตั้งแต่การพากย์เสียงมืออาชีพไปจนถึงการโทรเล่นสนุกๆ

มันทำงานอย่างไร?

ซอฟต์แวร์เปลี่ยนเสียงใช้เทคโนโลยีอัลกอริทึมขั้นสูงและ AI ในการปรับเปลี่ยนระดับเสียง โทน และลักษณะเสียงของคุณ ความสามารถของ AI ในการเปลี่ยนเสียงช่วยให้สามารถโคลนนิ่งเสียงหรือสร้างเสียงใหม่ทั้งหมดได้ แอปพลิเคชันเหล่านี้สามารถกรองเสียงรบกวนพื้นหลังและเพิ่มเอฟเฟกต์เสียงเพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่ดี

การใช้งานและกรณีศึกษา

  1. การสร้างเนื้อหา: ผู้สร้างเนื้อหาบนแพลตฟอร์มอย่าง TikTok, YouTube และ Twitch ใช้โปรแกรมเปลี่ยนเสียงเพื่อสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและไม่ซ้ำใคร ไม่ว่าจะเป็นการพากย์เสียงในวิดีโอ การสร้างตัวละครต่างๆ หรือการเพิ่มเอฟเฟกต์เสียงที่น่าตื่นเต้น ความเป็นไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด
  2. การเล่นเกม: นักเล่นเกมใช้โปรแกรมเปลี่ยนเสียงในเกมอย่าง Fortnite และ Minecraft เพื่อเพิ่มความสนุกหรือความเป็นส่วนตัว เครื่องมืออย่าง Voicemod มีซาวด์บอร์ดที่มีพรีเซ็ตหลากหลาย ทำให้ง่ายต่อการเปลี่ยนเสียงระหว่างการเล่นเกม
  3. พอดแคสต์และหนังสือเสียง: สำหรับผู้จัดพอดแคสต์และผู้บรรยายหนังสือเสียง โปรแกรมเปลี่ยนเสียงช่วยให้สามารถพากย์เสียงตัวละครหลายตัวได้โดยไม่ต้องใช้บุคลากรเพิ่มเติม ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าใช้จ่าย แต่ยังช่วยให้กระบวนการผลิตมีการควบคุมมากขึ้น
  4. การสตรีมสดและการประชุม: ในยุคของการทำงานระยะไกล โปรแกรมเปลี่ยนเสียงแบบเรียลไทม์ได้รับความนิยมในการประชุมเสมือนจริงบนแพลตฟอร์มอย่าง Zoom และ Skype พวกมันเพิ่มความสนุกให้กับการประชุมที่อาจจะน่าเบื่อและสามารถใช้ในการเล่นบทบาทหรือเล่าเรื่อง
  5. โซเชียลมีเดียและการส่งข้อความ: แอปอย่าง WhatsApp และ Discord รองรับโปรแกรมเปลี่ยนเสียง ทำให้ผู้ใช้สามารถส่งข้อความเสียงหรือแชทด้วยเสียงที่แตกต่างกัน เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับการสื่อสาร

การเลือกโปรแกรมเปลี่ยนเสียงที่เหมาะสม

เมื่อเลือกโปรแกรมเปลี่ยนเสียง ควรพิจารณาดังนี้:

  • ความเข้ากันได้: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์เข้ากันได้กับระบบปฏิบัติการของคุณ (Windows, Mac, iOS)
  • การประมวลผลแบบเรียลไทม์: มองหาโปรแกรมเปลี่ยนเสียงแบบเรียลไทม์สำหรับการใช้งานสด
  • ฟิลเตอร์และเอฟเฟกต์เสียง: โปรแกรมเปลี่ยนเสียงที่ดีที่สุดมีฟิลเตอร์และเอฟเฟกต์เสียงให้เลือกหลากหลาย
  • ความง่ายในการใช้งาน: อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายพร้อมการควบคุมที่เรียบง่ายและมีบทเรียน
  • คุณภาพ: เสียงคุณภาพสูงและการหน่วงเวลาน้อยที่สุด
  • การปรับแต่ง: ความสามารถในการสร้างและบันทึกเสียงที่กำหนดเอง
  • ค่าใช้จ่าย: มีตัวเลือกตั้งแต่ฟรีไปจนถึงพรีเมียม มองหาโปรแกรมเปลี่ยนเสียงฟรีหากคุณเพิ่งเริ่มต้น

ซอฟต์แวร์เปลี่ยนเสียงยอดนิยม

นี่คือซอฟต์แวร์เปลี่ยนเสียงที่ดีที่สุดที่มีอยู่:

  1. Speechify Studio: ช่วยให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดหรือบันทึกเสียงพูดและแปลงเป็นเสียง AI ที่เหมือนจริงกว่า 1,000 เสียงในทันที โดยยังคงรักษาโทน จังหวะ และอารมณ์ของผู้พูดต้นฉบับ
  2. Voicemod: เป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักเล่นเกมและสตรีมเมอร์ Voicemod มีเอฟเฟกต์เสียงมากมายและการปรับเสียงแบบเรียลไทม์
  3. Clownfish Voice Changer: เป็นตัวเลือกที่หลากหลายและฟรีสำหรับผู้ใช้ Windows รองรับแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Discord, Skype และ Steam
  4. MorphVOX: เป็นที่รู้จักในด้านการเปลี่ยนเสียงคุณภาพสูง MorphVOX เหมาะสำหรับการใช้งานระดับมืออาชีพในพอดแคสต์และการพากย์เสียง
  5. Voxal Voice Changer: รองรับหลายรูปแบบ (wav, mp3) และเข้ากันได้กับทั้ง Windows และ Mac

เริ่มต้นกับการปรับเสียง

นี่คือบทเรียนสั้นๆ เกี่ยวกับวิธีการใช้โปรแกรมเปลี่ยนเสียง:

  1. ดาวน์โหลดและติดตั้ง: เลือกแอปเปลี่ยนเสียงที่คุณชื่นชอบและติดตั้งลงในอุปกรณ์ของคุณ
  2. ตั้งค่าไมโครโฟน: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไมโครโฟนของคุณตั้งค่าอย่างถูกต้องและซอฟต์แวร์รู้จัก
  3. เลือกเสียงหรือเอฟเฟกต์: เลือกดูฟิลเตอร์เสียงที่มีและเลือกอันที่ตรงกับความต้องการของคุณ
  4. ทดสอบและปรับแต่ง: ทดสอบเสียงใหม่ของคุณและปรับการตั้งค่าเช่น ระดับเสียง, โทนเสียง, และเอฟเฟกต์เสียงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
  5. เริ่มใช้งาน: ใช้โปรแกรมเปลี่ยนเสียงในแอปพลิเคชันที่คุณชื่นชอบ เช่น Discord, Zoom หรือซอฟต์แวร์สตรีมมิ่งสดของคุณ

Speechify Studio Voice Changer

Speechify Studio voice changer มอบอิสระในการสร้างสรรค์ระดับใหม่ให้กับผู้สร้างเนื้อหา โดยให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดหรือบันทึกเสียงของตนเองและแปลงเป็นเสียง AI ที่สมจริงกว่า 1,000 เสียง ตั้งแต่สำเนียงท้องถิ่นไปจนถึงโปรไฟล์เสียงชายและหญิงที่โดดเด่น เครื่องมือนี้รักษาโทนอารมณ์, จังหวะ, และการส่งเสียงของต้นฉบับ ทำให้มีคุณค่าอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่การแสดงเสียงมีความสำคัญ เช่น การบรรยายหนังสือเสียง, แอนิเมชัน, การพากย์วิดีโอ, หรือการผลิตพอดแคสต์.

Voice Changer

คำถามที่พบบ่อย

ฉันสามารถใช้โปรแกรมเปลี่ยนเสียงบนอุปกรณ์มือถือได้หรือไม่?

ได้, โปรแกรมเปลี่ยนเสียงหลายตัวเช่น Voicemod และ Clownfish มีเวอร์ชันมือถือสำหรับ iOS และ Android

ซอฟต์แวร์เปลี่ยนเสียงปลอดภัยหรือไม่?

ปลอดภัย, ตราบใดที่คุณดาวน์โหลดจากแหล่งที่เชื่อถือได้และปฏิบัติตามหลักการความปลอดภัยทางไซเบอร์พื้นฐาน

โปรแกรมเปลี่ยนเสียงสามารถกำจัดเสียงรบกวนพื้นหลังได้หรือไม่?

โปรแกรมเปลี่ยนเสียงขั้นสูงหลายตัวมาพร้อมกับฟีเจอร์ลดเสียงรบกวนเพื่อให้ได้เสียงที่ชัดเจน

โปรแกรมเปลี่ยนเสียงถูกกฎหมายหรือไม่?

ถูกกฎหมาย, แต่การใช้เพื่อหลอกลวงหรือทำร้ายผู้อื่นอาจผิดกฎหมายและผิดจริยธรรม

ฉันสามารถสร้างเอฟเฟกต์เสียงของตัวเองได้หรือไม่?

แน่นอน! โปรแกรมเปลี่ยนเสียงหลายตัวอนุญาตให้ปรับแต่งได้อย่างกว้างขวางและแม้กระทั่งการโคลนเสียง

เทคโนโลยีการปรับเปลี่ยนเสียงเปิดโลกแห่งความเป็นไปได้สำหรับนักเล่นเกม, ผู้สร้างเนื้อหา, และใครก็ตามที่ต้องการเพิ่มความสร้างสรรค์ให้กับการสื่อสารเสียงของพวกเขา ด้วยเครื่องมือที่เหมาะสมและการฝึกฝนเล็กน้อย คุณสามารถเปลี่ยนเสียงของคุณให้เป็นอะไรก็ได้ที่คุณจินตนาการได้ ทำไมไม่ลองดูและสำรวจความสนุกและความหลากหลายของการเปลี่ยนเสียง?



ผลิตเสียงพากย์ การพากย์ และการโคลนด้วยเสียงกว่า 1,000 เสียงในกว่า 100 ภาษา

ทดลองฟรี
studio banner faces

แชร์บทความนี้

Cliff Weitzman

คลิฟ ไวซ์แมน

ซีอีโอ/ผู้ก่อตั้ง Speechify

คลิฟ ไวซ์แมน เป็นผู้สนับสนุนผู้มีภาวะดิสเล็กเซียและซีอีโอผู้ก่อตั้ง Speechify แอปพลิเคชันแปลงข้อความเป็นเสียงอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งได้รับรีวิว 5 ดาวมากกว่า 100,000 ครั้ง และครองอันดับหนึ่งในหมวดข่าวและนิตยสารบน App Store ในปี 2017 ไวซ์แมนได้รับการยกย่องในรายชื่อ Forbes 30 under 30 จากผลงานของเขาที่ทำให้อินเทอร์เน็ตเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้ที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้ คลิฟ ไวซ์แมน ได้รับการนำเสนอในสื่อชั้นนำต่างๆ เช่น EdSurge, Inc., PC Mag, Entrepreneur, Mashable เป็นต้น