1. หน้าหลัก
  2. การพิมพ์ด้วยเสียง
  3. การใช้การถอดเสียงด้วย AI สำหรับนักพัฒนาและโปรแกรมเมอร์: ในปี 2026 เราจะเขียนโค้ดด้วยเสียงได้จริงหรือ?

การใช้การถอดเสียงด้วย AI สำหรับนักพัฒนาและโปรแกรมเมอร์: ในปี 2026 เราจะเขียนโค้ดด้วยเสียงได้จริงหรือ?

Cliff Weitzman

Cliff Weitzman

ซีอีโอ/ผู้ก่อตั้ง Speechify

#1 โปรแกรมอ่านข้อความเป็นเสียง
ให้ Speechify อ่านให้คุณฟัง

apple logoรางวัล Apple Design Award 2025
ผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคน

การ ถอดเสียงด้วยเสียง ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเขียน อีเมล หรือโน้ตอีกต่อไป ในปี 2026 นักพัฒนาจำนวนไม่น้อยเริ่มใช้ AI ถอดเสียงด้วยเสียง เป็นส่วนหนึ่งของเวิร์กโฟลว์การเขียนโปรแกรม ถึงแม้ยังแทบไม่มีใครส่งโค้ดใช้งานจริงด้วยเสียงล้วน ๆ แต่ตอนนี้นักพัฒนาจำนวนมากใช้ การถอดเสียง ในการวางแผน, ใส่คอมเมนต์, สั่งงาน AI และร่างข้อความต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโค้ด

Speechify Voice Typing Dictation มีบทบาทสำคัญที่เพิ่มขึ้นในความเปลี่ยนแปลงนี้ โดยช่วยเสริมวิธีคิดและวิธีทำงานของนักพัฒนา แทนที่จะพยายามมาแทนที่คีย์บอร์ดไปเลย

การเขียนโค้ดด้วยเสียงจริง ๆ คืออะไรในทางปฏิบัติ

การเขียนโค้ดด้วยเสียงไม่ได้หมายความว่าต้องพูดทุกสัญลักษณ์, วงเล็บ หรือเครื่องหมายเซมิโคลอน แต่หมายถึงการใช้ การถอดเสียง กับส่วนที่พูดแล้วเป็นธรรมชาติ เร็ว และไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์โดยไม่จำเป็น

นักพัฒนาใช้ AI ถอดเสียงด้วยเสียง เพื่อ:

  • อธิบายตรรกะก่อนจะเริ่มลงมือเขียนโค้ด
  • ร่างคอมเมนต์และเอกสารประกอบ
  • เขียนข้อความ commit และคำอธิบาย pull request
  • พูดส่งคำสั่งหรือคำขอให้งานกับเครื่องมือช่วยเขียนโค้ดด้วย AI
  • บันทึกไอเดียโครงสร้างระบบโดยไม่ต้องหยุดมือเพื่อพิมพ์

Speechify Voice Typing Dictation ตอบโจทย์การใช้งานจริงนี้ด้วยการให้โปรแกรมเมอร์พูดใส่ในช่องข้อความไหนก็ได้โดยตรง ไม่ต้องแยกหน้าต่างไปถอดเสียงต่างหาก

จุดที่การถอดเสียงช่วยนักพัฒนามากที่สุดในเวิร์กโฟลว์

การพัฒนาโปรแกรมยุคใหม่มีเนื้อหาที่ต้องเขียนมากกว่าที่หลายคนคิด ทั้งการวางแผน, การสื่อสาร และเอกสาร มักใช้เวลาพอ ๆ กับการเขียนโค้ดจริง ๆ

การถอดเสียง มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งสำหรับ:

  • โค้ดจำลอง (pseudocode) และอธิบายขั้นตอนของอัลกอริทึม
  • คอมเมนต์แทรกในโค้ดและ docstring
  • ไฟล์ README และเอกสารทางเทคนิค
  • ข้อความใน Slack และอัปเดตสถานะงาน
  • พรอมต์ AI สำหรับสร้างหรือรีแฟกเตอร์โค้ด

Speechify Voice Typing Dictation ใช้งานข้ามเบราว์เซอร์, editor และเครื่องมือร่วมงานต่าง ๆ จึงเหมาะกับสภาพแวดล้อมการพัฒนาระดับจริงจัง

ทำไมนักพัฒนายังต้องใช้คีย์บอร์ดในการเขียนโค้ด

แม้จะเป็นปี 2026 คีย์บอร์ดยังคงจำเป็นสำหรับการใส่รูปแบบซินแท็กซ์ที่แม่นยำ วงเล็บ, อินเดนต์ และรูปแบบที่ต้องเป๊ะ ๆ ก็ยังพิมพ์เร็วกว่าการพูดออกมาทีละตัว

อย่างไรก็ตาม การถอดเสียง ช่วยลดเวลาที่นักพัฒนาต้องสลับไปมา ไม่ต้องหยุดเพื่อพิมพ์คำอธิบายหรือคอมเมนต์ สามารถพูดแล้วทำงานต่อเนื่องได้เลย

แนวทางผสมผสานแบบนี้จึงกลายเป็นเรื่องปกติในปัจจุบัน: ใช้เสียงเพื่อคิดและอธิบาย ใช้คีย์บอร์ดสำหรับซินแท็กซ์ขั้นสุดท้าย

Speechify ช่วยรองรับการเขียนโค้ดด้วยเสียงอย่างไร

Speechify Voice Typing Dictation ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้แทน IDE แต่ทำหน้าที่เป็นชั้นสนับสนุนรูปแบบการทำงานกับเครื่องมือต่าง ๆ ของนักพัฒนา

เนื่องจาก Speechify ใช้งานได้ในเบราว์เซอร์ เอกสาร, เครื่องมือแชท และ editor บนเว็บ นักพัฒนาจึงสามารถถอดเสียงเพื่อ:

  • อธิบายโค้ดก่อนจะเริ่มลงมือทำ
  • ใส่คอมเมนต์ข้างโค้ดเดิม
  • ส่งพรอมต์ AI เพื่อให้สร้างหรือแก้ไขโค้ด
  • จดโน้ตทางเทคนิคขณะตรวจ pull request

Speechify มีพฤติกรรมที่สม่ำเสมอไม่ว่าบนแพลตฟอร์มไหน นักพัฒนาจึงไม่ต้องเปลี่ยนวิธีพูดตามแอปที่ใช้งานอยู่

การถอดเสียงและการเขียนโค้ดด้วย AI

เครื่องมือช่วยเขียนโค้ดด้วย AI พึ่งพาพรอมต์ที่เขียนขึ้นอย่างมาก การถอดเสียง ทำให้การสร้างและการปรับแต่งพรอมต์เหล่านี้ทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ปัจจุบันนักพัฒนาหลายคน:

  • ถอดเสียงไอเดียเบื้องต้นสำหรับพรอมต์ AI
  • ปล่อยให้ AI สร้างหรือรีแฟกเตอร์โค้ด
  • ตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้
  • ถอดเสียงเพื่อแก้ไขหรือเพิ่มความชัดเจน

Speechify Voice Typing Dictation ผสานกับวงรอบนี้โดยเปลี่ยนไอเดียที่พูดออกมา ให้กลายเป็นข้อความสะอาดและมีโครงสร้างเหมาะกับเครื่องมือ AI

เขียนคอมเมนต์ในโค้ดด้วยเสียงได้จริงหรือ?

คอมเมนต์เป็นหนึ่งในกรณีที่เหมาะกับการใช้ ถอดเสียง มากที่สุด เพราะคำอธิบายด้วยเสียงมักจะสื่อเจตนาได้ชัดเจนกว่าแบบที่พิมพ์

นักพัฒนาใช้ Speechify Voice Typing Dictation เพื่อ:

  • อธิบายเหตุผลในการตัดสินใจ
  • อธิบายตรรกะที่ซับซ้อน
  • บันทึกกรณีขอบเขต (edge case)
  • เพิ่ม ความอ่านง่ายของโค้ดให้ทีมงาน

เนื่องจาก การถอดเสียง รับภาษาพูดได้โดยตรง คอมเมนต์จึงมักมีความชัดเจนและอธิบายรายละเอียดได้ดีกว่า

เขียนโค้ดระหว่างคิดออกเสียง

นักพัฒนาหลายคนคิดได้ดีที่สุดเมื่อได้พูดวิเคราะห์ปัญหา การถอดเสียง เปลี่ยนกระบวนการคิดออกเสียงให้กลายเป็นข้อความที่นำไปใช้งานได้ แทนที่จะหายไปกับอากาศ

ไม่ว่าจะเป็นการสรุปแนวทางแก้ไข หรือไล่คิดหาสาเหตุบั๊ก Speechify Voice Typing Dictation ช่วยบันทึกไอเดียโดยไม่ต้องสะดุดสมาธิ

ข้อจำกัดของการเขียนโค้ดด้วยเสียง

การถอดเสียง ยังมีขีดจำกัด เช่น การพูดซินแท็กซ์ดิบจะช้ากว่าพิมพ์ และสภาพแวดล้อมที่เสียงดังจะลดความแม่นยำ นักพัฒนาก็ต้องการความเป็นส่วนตัวหรือหูฟังเพื่อถอดเสียงอย่างสบายใจ

ข้อจำกัดเหล่านี้ทำให้การใช้ การถอดเสียง จึงเป็นตัวเสริมของการเขียนโค้ด มากกว่าที่จะมาแทนที่โดยสิ้นเชิง

บทบาทของการถอดเสียงในด้านการเข้าถึงซอฟต์แวร์ของนักพัฒนา

สำหรับนักพัฒนาที่มีอาการเจ็บกล้ามเนื้อจากการใช้งานซ้ำ ๆ ดิสเล็กเซีย หรือข้อจำกัดด้านการเคลื่อนไหว การถอดเสียง อาจเป็นมากกว่า เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพ แต่กลายเป็นช่องทางหลักในการป้อนข้อมูลด้วยซ้ำ

Speechify Voice Typing Dictation สนับสนุน การเข้าถึงซอฟต์แวร์ ด้วยการใช้งานข้ามแพลตฟอร์มโดยไม่ต้องตั้งค่าพิเศษใด ๆ

คำถามที่พบบ่อย

นักพัฒนาสามารถเขียนโค้ดด้วยเสียงล้วน ๆ ได้จริงหรือ?

ส่วนใหญ่นักพัฒนาใช้เสียงสำหรับวางแผน, เขียนคอมเมนต์ และสั่งงานมากกว่าการพูดซินแท็กซ์ทีละบรรทัด

Speechify อยู่ตรงไหนในเวิร์กโฟลว์การเขียนโค้ด?

Speechify ช่วยเรื่องการร่าง, การเขียนเอกสาร, การสื่อสาร และการออกคำสั่ง AI บนเครื่องมือต่าง ๆ ที่นักพัฒนาใช้อยู่แล้ว

การถอดเสียงแม่นพอสำหรับภาษาเทคนิคหรือไม่?

AI สมัยใหม่สำหรับ การถอดเสียง สามารถรับคำศัพท์ทางเทคนิคได้ดี โดยเฉพาะหากผู้ใช้ทำงานในโดเมนเดิมเป็นประจำ

การถอดเสียงจะชะลอโปรแกรมเมอร์เวลาเขียนโค้ดไหม?

สำหรับส่วนที่ต้องใช้ซินแท็กซ์เยอะ ๆ การพิมพ์ยังเร็วกว่า แต่ การถอดเสียง ช่วยประหยัดเวลาสำหรับสิ่งอื่นรอบ ๆ โค้ดได้มาก

Speechify ใช้กับเครื่องมือของนักพัฒนาได้ไหม?

Speechify Voice Typing Dictation ใช้งานได้ทุกที่ที่มีช่องกรอกข้อความ ทั้งในเบราว์เซอร์, เอกสาร และเครื่องมือบนเว็บจำนวนมาก

การถอดเสียงมีประโยชน์กับนักพัฒนามือใหม่ไหม?

การพูดอธิบายตรรกะออกมาช่วยให้คิดได้ชัดขึ้น ทำให้ การถอดเสียง กลายเป็นเครื่องมือช่วยการเรียนรู้ที่ดี



เพลิดเพลินกับเสียง AI ที่ล้ำสมัยที่สุด ไฟล์ไม่จำกัด และการสนับสนุนตลอด 24/7

ทดลองฟรี
tts banner for blog

แชร์บทความนี้

Cliff Weitzman

Cliff Weitzman

ซีอีโอ/ผู้ก่อตั้ง Speechify

คลิฟฟ์ ไวท์ซ์แมน เป็นผู้ขับเคลื่อนสิทธิผู้มีภาวะดิสเล็กเซีย และดำรงตำแหน่งซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Speechify แอปแปลงข้อความเป็นเสียงอันดับ 1 ของโลก ที่กวาดรีวิว 5 ดาวกว่า 100,000 รายการ และเคยครองอันดับ 1 ใน App Store หมวดข่าวสารและนิตยสาร ในปี 2017 ไวท์ซ์แมนติดโผ Forbes 30 Under 30 จากผลงานผลักดันให้โลกออนไลน์เข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ผลงานของคลิฟฟ์ ไวท์ซ์แมนถูกกล่าวถึงในสื่อชั้นนำอย่าง EdSurge, Inc., PC Mag, Entrepreneur, Mashable และอีกมากมาย

speechify logo

เกี่ยวกับ Speechify

#1 โปรแกรมอ่านข้อความเป็นเสียง

Speechify เป็นแพลตฟอร์ม แปลงข้อความเป็นเสียง ชั้นนำของโลกที่มีผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคน และได้รับรีวิวระดับ 5 ดาวมากกว่า 500,000 รีวิวในแอปพลิเคชัน iOS, Android, Chrome Extension, เว็บแอป และ แอปบน Mac ในปี 2025 Apple ได้มอบรางวัล Apple Design Award อันทรงเกียรติให้กับ Speechify ในงาน WWDC โดยกล่าวว่าเป็น “ทรัพยากรสำคัญที่ช่วยให้ผู้คนใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น” Speechify มีเสียงธรรมชาติกว่า 1,000 เสียงใน 60+ ภาษา และมีผู้ใช้งานในเกือบ 200 ประเทศ เสียงคนดังที่มีให้เลือกใช้งาน เช่น Snoop Dogg, Mr. Beast และ Gwyneth Paltrow สำหรับผู้สร้างสรรค์และธุรกิจ Speechify Studio มีเครื่องมือขั้นสูง เช่น AI Voice Generator, AI Voice Cloning, AI Dubbing และ AI Voice Changer Speechify ยังสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชั้นนำด้วย Text to Speech API ที่มีคุณภาพสูงและคุ้มค่า นอกจากนี้ยังได้รับการนำเสนอใน The Wall Street Journal, CNBC, Forbes, TechCrunch และสื่อชั้นนำอื่น ๆ Speechify เป็นผู้ให้บริการแปลงข้อความเป็นเสียงที่ใหญ่ที่สุดในโลก เยี่ยมชม speechify.com/news, speechify.com/blog และ speechify.com/press เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม