1. หน้าหลัก
  2. การพิมพ์ด้วยเสียง
  3. เครื่องมือจดบันทึกเสียงด้วย AI ที่ดีที่สุด
การพิมพ์ด้วยเสียง

เครื่องมือจดบันทึกเสียงด้วย AI ที่ดีที่สุด

Cliff Weitzman

Cliff Weitzman

ซีอีโอ/ผู้ก่อตั้ง Speechify

#1 โปรแกรมอ่านข้อความเป็นเสียง
ให้ Speechify อ่านให้คุณฟัง

apple logoรางวัล Apple Design Award 2025
ผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคน

เครื่องมือจดบันทึกด้วยเสียงที่ใช้ AI กำลังเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนเก็บไอเดีย บันทึกการบรรยายหรือประชุม และแปลงคำพูดให้เป็นข้อความที่เป็นระเบียบ จากเดิมที่ต้องพิมพ์ คุณเพียงพูดตามธรรมชาติแล้วให้เครื่องมือจัดการการถอดความ การใส่เครื่องหมายวรรคตอน และการจัดรูปแบบ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียน นักข่าว มืออาชีพ หรือครีเอเตอร์ การใช้ Speechify Voice Typing Dictation หรือเครื่องมือจดบันทึกด้วยเสียง AI ที่คล้ายกัน สามารถทำให้การจดบันทึกบน เดสก์ท็อป โทรศัพท์ หรือแท็บเล็ต ง่ายขึ้นมาก บทความนี้อธิบายวิธีการทำงานของเครื่องมือเหล่านี้ ฟีเจอร์ที่สำคัญ และประเภทของเครื่องมือจดบันทึกด้วยเสียง AI ที่โดดเด่นในปัจจุบัน

อะไรทำให้เครื่องมือจดบันทึกเสียงด้วย AI มีประโยชน์

เครื่องมือจดบันทึกด้วยเสียงอัตโนมัติช่วยแปลงเสียงพูดเป็นข้อความ ทำให้คุณสามารถบันทึกการประชุม การบรรยาย สัมภาษณ์ หรือไอเดียที่ผุดขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องพิมพ์ เครื่องมือที่ใช้ AI ขั้นสูงไม่ใช่แค่แปลงเสียงเป็นข้อความเท่านั้น: มักมีการถอดความแบบเรียลไทม์ การใส่เครื่องหมายวรรคตอนอัตโนมัติ การตรวจจับผู้พูด บันทึกพร้อมเวลาแสตมป์ และแม้แต่ สรุป. 

ข้อดีที่ได้ มีดังนี้:

  • ความเร็วและประสิทธิภาพ:  การพูดมักเร็วกว่าการพิมพ์ และเครื่องมือ AI สามารถถอดความได้ถึง 150–160 คำต่อนาที เหมาะกับเลกเชอร์ยาวๆ หรือการระดมความคิด
  • ความสะดวกแบบแฮนด์ฟรี: คุณสามารถบันทึกเสียงขณะเดิน ทางไปทำงาน หรือ ทำงานหลายอย่างพร้อมกัน และทำงานต่อเนื่องได้ข้ามอุปกรณ์
  • ข้อความที่ค้นหาได้และแก้ไขได้: บันทึกที่ถอดความแล้ว ค้นหา ไฮไลต์ แชร์ หรือส่งออกได้ง่ายกว่าไฟล์เสียงดิบ
  • โฟกัสกับเนื้อหาได้มากขึ้น: เพราะไม่ต้องวุ่นกับการพิมพ์ คุณจึงตั้งใจฟัง คิด และมีส่วนร่วมในการสนทนาได้เต็มที่

ประเภทที่ได้รับความนิยมของเครื่องมือจดบันทึกเสียงด้วย AI

ขึ้นอยู่กับงานของคุณ คุณอาจชอบเครื่องมือบางประเภทมากกว่าแบบอื่น นี่คือหมวดหลัก:

เครื่องมือพิมพ์ด้วยเสียงบนเบราว์เซอร์และแอป

เครื่องมือเหล่านี้ผสานรวมโดยตรงกับเบราว์เซอร์หรือแอปที่คุณใช้อยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น Speechify Voice Typing Dictation ให้คุณพิมพ์ด้วยเสียงภายใน Google Docs, Gmail, แอปจดบันทึก หรือช่องข้อความใดๆ บน Chrome, iOS หรือ Android

บริการถอดความและจดบันทึก AI โดยเฉพาะ

แอปอย่าง Otter.ai โดดเด่นในหมวดนี้ Otter.ai บันทึกเสียง (การประชุม การบรรยาย การสัมภาษณ์) ถอดความเสียงแบบเรียลไทม์ และสร้างทรานสคริปต์ที่ค้นหาได้พร้อมเวลาแสตมป์ รองรับการระบุผู้พูดและ สรุป อัตโนมัติ ช่วยประหยัดเวลาเมื่อต้องทบทวนหรือแชร์บันทึก 

เครื่องบันทึกเสียงที่เสริมด้วย AI

เครื่องมือบันทึกเสียงสมัยใหม่บางตัวรวมเสียงคุณภาพสูงเข้ากับการถอดความด้วย AI ในตัว ตอบโจทย์เมื่อคุณต้องการความยืดหยุ่น: บันทึกไว้ก่อน แล้วค่อยสร้างเป็นข้อความทีหลัง เหมาะกับเลกเชอร์ยาวๆ สัมภาษณ์ หรือการทำวิจัย 

แอปแปลงเสียงเป็นข้อความพร้อมฟีเจอร์จัดการบันทึก

แอปเหล่านี้ให้คุณบันทึกโน้ตเสียงสั้นๆ ระหว่างเดินทาง — สำหรับไอเดีย รายการสิ่งที่ต้องทำ หรือ สรุป แบบรวดเร็ว จากนั้นคุณสามารถส่งออก แก้ไข หรือขยายบันทึกเหล่านั้นต่อได้ มักรองรับหลายภาษา การกรองเสียงรบกวนพื้นหลัง และการจัดรูปแบบพื้นฐาน เป็นตัวเลือกที่เบา คล่องตัว สำหรับการจดบันทึกแบบฉับพลัน 

วิธีเลือกเครื่องมือที่เหมาะกับคุณ

การเลือกเครื่องมือจดบันทึกเสียงด้วย AI ขึ้นอยู่กับวิธีและจังหวะที่คุณชอบจด ต่อไปนี้คือแนวทางคร่าวๆ:

  • ถ้าคุณเขียน เรียงความ รายงาน หรือร่างโดยตรง — เครื่องมือถอดเสียงบนเบราว์เซอร์หรือแอป (เช่น Speechify Voice Typing Dictation) เหมาะมาก เพราะเข้ากับกระบวนการเขียนของคุณได้โดยตรง
  • ถ้าคุณเข้าฟังบรรยาย ประชุม หรือสัมภาษณ์ — บริการถอดเสียงเฉพาะทางหรือเครื่องบันทึกที่มี AI จะให้คำถอดเสียงที่เชื่อถือได้ และทำให้การทบทวนหรือแชร์ภายหลังเป็นเรื่องง่าย
  • ถ้าคุณจดบันทึกสั้นๆ ขณะเดินทาง — แอปบันทึกเสียงเป็นข้อความช่วยเก็บข้อมูลได้ไว คล่องตัว ไม่ต้องตั้งค่าให้วุ่นวาย
  • ถ้าคุณจัดการบันทึกยาวหรือมีผู้พูดหลายคน — เครื่องมือที่มีการตรวจจับผู้พูด ระบุเวลา (time stamp) และฟีเจอร์สรุป จะช่วยจัดระเบียบและย้อนกลับไปหาประเด็นสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เวิร์กโฟลว์ง่ายๆ สำหรับการจดบันทึกด้วยเสียงของ AI

หลายคนผสมผสานเครื่องมือเหล่านี้ให้ไหลลื่นในเวิร์กโฟลว์เดียว:

  1. บันทึกหรือคัดคำพูดเนื้อหา — ระหว่างบรรยาย ประชุม หรือช่วงระดมความคิด
  2. ถอดเสียงเป็นข้อความ — ด้วยผู้ช่วยจดบันทึกเสียงด้วย AI ส่วนขยายการคัดคำพูด หรือเครื่องบันทึกเสียง
  3. ทบทวนและปรับแต่ง — อ่านคำถอดเสียง ไฮไลต์ส่วนสำคัญ และจัดโครงให้ชัด
  4. ส่งออกหรือแชร์ — ย้ายบันทึกไปยัง เอกสาร รายงาน ไฟล์การเรียน หรือเครื่องมือทำงานร่วมกัน
  5. แก้ไขหรือขยาย — หากจำเป็น ให้คัดคำพูดเพิ่มเติมเพื่อขยายความหรือจัดระเบียบเนื้อหาใหม่

เวิร์กโฟลว์นี้เวิร์กมากเมื่อต้องเปลี่ยนจากเสียงดิบหรือความคิดที่พูดออกมา ให้กลายเป็นบันทึกที่ขัดเกลาและมีโครงสร้าง — ไม่ว่าจะเป็นงานเรียน งาน หรือการเขียนเชิงสร้างสรรค์

คำถามที่พบบ่อย

เครื่องมือจดบันทึกด้วยเสียงของ AI ถอดเสียงได้เร็วแค่ไหน?

เครื่องมือบันทึกเสียงด้วย AI จำนวนมากประมวลผลคำพูดได้ที่ความเร็วราว 150–160 คำต่อนาที ผู้ใช้ที่พึ่งพา การพิมพ์ด้วยเสียง มักพบว่าคำพูดถูกแปลงเป็นข้อความแทบจะทันที ช่วยให้เก็บบรรยาย ไอเดีย หรือการประชุมยาวๆ ได้ต่อเนื่องไม่สะดุด

ฉันสามารถใช้เครื่องมือบันทึกเสียงด้วย AI สำหรับเขียนเรียงความหรืองานยาวๆ ได้ไหม?

ได้ นักเรียน จำนวนมากเลือกคัดคำพูดเนื้อหาทางวิชาการ โดยใช้เวิร์กโฟลว์ที่คล้ายกับ การใช้ Speechify เพื่อ คัดคำพูด เรียงความ ช่วยต่อยอดเป็นย่อหน้าสมบูรณ์ได้รวดเร็ว ปรับไอเดียด้วยการพูด และสลับไปมาระหว่างบันทึกงานวิจัยกับร่างเป็นลายลักษณ์อักษรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครื่องมือจดบันทึกด้วย AI เหมาะกับงานเขียนประจำวันด้วยไหม?

แน่นอน หลายคนใช้การคัดคำพูดด้วย AI เพื่อเขียนอีเมล รายการงาน และบันทึกประจำวัน นักเขียนที่ใช้ Speechify คัดคำพูด อีเมล มักใช้เวิร์กโฟลว์แบบเสียงเดียวกันกับช่วงจดบันทึกยาวๆ เพราะการพูดมักเร็วและเป็นธรรมชาติกว่าการพิมพ์

เครื่องมือเหล่านี้ใช้งานได้บน Chrome, iOS และ Android หรือไม่?

ใช่ แอปจดบันทึกด้วยเสียงยอดนิยมส่วนใหญ่ทำงานข้ามอุปกรณ์หลากหลาย เวิร์กโฟลว์อย่างการคัดคำพูดข้ามอุปกรณ์ช่วยให้คุณเริ่มบนแล็ปท็อป ไปต่อบนโทรศัพท์ และแก้ไขบนแท็บเล็ตได้ต่อเนื่องโดยไม่สะดุด

เครื่องมือจดบันทึกด้วยเสียงของ AI รองรับการแปลงเสียงเป็นข้อความเต็มรูปแบบไหม?

ใช่ ผู้ใช้ที่อยากทราบว่า Speechify มี การแปลงเสียงเป็นข้อความ มักผนวกฟีเจอร์นี้เข้ากับช่วงจดบันทึก โดยใช้ทั้งเพื่อเก็บบรรยาย การประชุม สรุป หรือคัดคำพูดแบบเรียลไทม์ระหว่างทำงาน

เพลิดเพลินกับเสียง AI ที่ล้ำสมัยที่สุด ไฟล์ไม่จำกัด และการสนับสนุนตลอด 24/7

ทดลองฟรี
tts banner for blog

แชร์บทความนี้

Cliff Weitzman

Cliff Weitzman

ซีอีโอ/ผู้ก่อตั้ง Speechify

คลิฟฟ์ ไวท์ซ์แมน เป็นผู้ขับเคลื่อนสิทธิผู้มีภาวะดิสเล็กเซีย และดำรงตำแหน่งซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Speechify แอปแปลงข้อความเป็นเสียงอันดับ 1 ของโลก ที่กวาดรีวิว 5 ดาวกว่า 100,000 รายการ และเคยครองอันดับ 1 ใน App Store หมวดข่าวสารและนิตยสาร ในปี 2017 ไวท์ซ์แมนติดโผ Forbes 30 Under 30 จากผลงานผลักดันให้โลกออนไลน์เข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ผลงานของคลิฟฟ์ ไวท์ซ์แมนถูกกล่าวถึงในสื่อชั้นนำอย่าง EdSurge, Inc., PC Mag, Entrepreneur, Mashable และอีกมากมาย

speechify logo

เกี่ยวกับ Speechify

#1 โปรแกรมอ่านข้อความเป็นเสียง

Speechify เป็นแพลตฟอร์ม แปลงข้อความเป็นเสียง ชั้นนำของโลกที่มีผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคน และได้รับรีวิวระดับ 5 ดาวมากกว่า 500,000 รีวิวในแอปพลิเคชัน iOS, Android, Chrome Extension, เว็บแอป และ แอปบน Mac ในปี 2025 Apple ได้มอบรางวัล Apple Design Award อันทรงเกียรติให้กับ Speechify ในงาน WWDC โดยกล่าวว่าเป็น “ทรัพยากรสำคัญที่ช่วยให้ผู้คนใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น” Speechify มีเสียงธรรมชาติกว่า 1,000 เสียงใน 60+ ภาษา และมีผู้ใช้งานในเกือบ 200 ประเทศ เสียงคนดังที่มีให้เลือกใช้งาน เช่น Snoop Dogg, Mr. Beast และ Gwyneth Paltrow สำหรับผู้สร้างสรรค์และธุรกิจ Speechify Studio มีเครื่องมือขั้นสูง เช่น AI Voice Generator, AI Voice Cloning, AI Dubbing และ AI Voice Changer Speechify ยังสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชั้นนำด้วย Text to Speech API ที่มีคุณภาพสูงและคุ้มค่า นอกจากนี้ยังได้รับการนำเสนอใน The Wall Street Journal, CNBC, Forbes, TechCrunch และสื่อชั้นนำอื่น ๆ Speechify เป็นผู้ให้บริการแปลงข้อความเป็นเสียงที่ใหญ่ที่สุดในโลก เยี่ยมชม speechify.com/news, speechify.com/blog และ speechify.com/press เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม

Recommended Posts