1. หน้าแรก
  2. TTS
  3. วิธีแปลง Google Docs เป็นหนังสือเสียง
TTS

วิธีแปลง Google Docs เป็นหนังสือเสียง

Cliff Weitzman

คลิฟ ไวซ์แมน

ซีอีโอ/ผู้ก่อตั้ง Speechify

#1 โปรแกรมอ่าน Text to Speech.
ให้ Speechify อ่านให้คุณฟัง

apple logoรางวัลออกแบบยอดเยี่ยมจาก Apple ปี 2025
ผู้ใช้กว่า 50 ล้านคน
ฟังบทความนี้ด้วย Speechify!
speechify logo

ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน ความสามารถในการแปลงเอกสารที่เขียนเป็นคำพูดนำมาซึ่งความสะดวกและการเข้าถึงสำหรับทุกคน ตั้งแต่นักเรียนไปจนถึงผู้ที่มีปัญหาทางสายตา Google Docs ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย สามารถแปลงเป็นหนังสือเสียงได้โดยใช้เทคโนโลยีแปลงข้อความเป็นเสียง (TTS)

บทแนะนำนี้จะนำคุณผ่านขั้นตอนการแปลง Google Docs เป็นหนังสือเสียงคุณภาพสูงบนแพลตฟอร์มต่างๆ รวมถึง Windows, Mac, iOS และ Android เราจะพิจารณาการใช้แอปและ API ต่างๆ เพื่อให้ได้กระบวนการทำงานที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ในการสร้างหนังสือเสียงในหลายภาษา เช่น ภาษาอังกฤษและสเปน

ขั้นตอนที่ 1: เตรียม Google Doc ของคุณ

ก่อนอื่น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสาร Google Docs ของคุณพร้อมสำหรับการแปลง เปิดเอกสารของคุณผ่าน Google Drive ด้วยบัญชี Google ของคุณ ตรวจสอบข้อความสำหรับปัญหาการเว้นวรรคและตรวจสอบให้แน่ใจว่าจัดระเบียบอย่างดีเพื่อเพิ่มความสามารถของ TTS ในการอ่านเนื้อหาออกเสียงอย่างถูกต้อง ใช้เครื่องมือเช่น 'พิมพ์ด้วยเสียง' เพื่อถอดเสียงเนื้อหาเพิ่มเติมอย่างมีประสิทธิภาพและใช้ฟีเจอร์ 'อ่านออกเสียง' เพื่อดูตัวอย่างว่าเสียงเป็นอย่างไร

ขั้นตอนที่ 2: เลือกเครื่องมือแปลงข้อความเป็นเสียง

สำหรับการแปลง Google Doc ของคุณเป็นหนังสือเสียง มีเครื่องมือ TTS มากมายที่มีอยู่ในระบบปฏิบัติการต่างๆ:

  1. Windows และ Mac: ใช้ฟีเจอร์ในตัวเช่น Microsoft Edge's Read Aloud หรือ Apple's VoiceOver ทั้งสองมีเสียงที่ฟังดูเป็นธรรมชาติและเป็นส่วนหนึ่งของฟีเจอร์การเข้าถึงของระบบปฏิบัติการ
  2. iOS และ iPhone: อุปกรณ์ Apple มีฟีเจอร์แปลงข้อความเป็นเสียงที่แข็งแกร่งในตัว คุณยังสามารถดาวน์โหลดแอปเช่น Natural Reader หรือ Voice Dream จาก Apple App Store ซึ่งให้การควบคุมเสียงและความเร็วมากขึ้น
  3. Android: Google Play มีแอป TTS ต่างๆ เช่น Google Text-to-Speech และ Voice Aloud Reader แอปเหล่านี้ออกแบบมาเพื่ออ่านข้อความที่แสดงบนหน้าจอของคุณออกเสียง
  4. ส่วนขยายเบราว์เซอร์: สำหรับผู้ใช้ที่ชอบทำงานโดยตรงใน Google Chrome หรือ Microsoft Edge สามารถเพิ่มส่วนขยายเบราว์เซอร์เช่น Read Aloud: A Text to Speech Voice Reader เพื่อแปลงข้อความจาก Google Docs เป็นเสียงในเวลาจริง

ขั้นตอนที่ 3: แปลงและจัดการไฟล์เสียง

หลังจากเลือกเครื่องมือ TTS ขั้นตอนต่อไปคือการแปลงข้อความ Google Docs ของคุณเป็นไฟล์เสียง แอปและฟีเจอร์ TTS ส่วนใหญ่จะอนุญาตให้คุณบันทึกข้อความที่พูดเป็นไฟล์เสียงในรูปแบบต่างๆ รวมถึง MP3 และ WAV นี่คือวิธีการทำ:

  1. บนเดสก์ท็อป (Windows/Mac): ใช้ฟีเจอร์ TTS ของเว็บเบราว์เซอร์หรือซอฟต์แวร์ TTS เฉพาะเพื่ออ่านเอกสารออกเสียงและบันทึกผลลัพธ์โดยใช้ซอฟต์แวร์บันทึกเสียง
  2. บนมือถือ (iOS/Android): ใช้แอปที่สามารถอ่านออกเสียงและบันทึกการอ่านได้ แอปหลายแอปมีตัวเลือกในการปรับประเภทเสียง ความเร็ว และแม้แต่ภาษา
  3. การใช้ API: สำหรับวิธีการที่เป็นอัตโนมัติมากขึ้น พิจารณาใช้ API เช่น Amazon Polly หรือ Google Cloud Text-to-Speech ซึ่งช่วยให้สามารถรวมเข้ากับกระบวนการทำงานของคุณได้ ทำให้สามารถแปลงเอกสารหลายฉบับในขนาดใหญ่ได้

เคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับการสร้างหนังสือเสียงคุณภาพสูง

  1. การเลือกเสียง: เลือกเสียงที่ฟังดูเป็นธรรมชาติและเข้าใจง่าย เครื่องมือ TTS หลายตัวมีเสียงที่แตกต่างกัน รวมถึงตัวเลือกสำหรับภาษาอังกฤษและสเปน
  2. ทดสอบหนังสือเสียงของคุณ: ฟังหนังสือเสียงของคุณเพื่อตรวจสอบการออกเสียงผิดหรือการหยุดที่ไม่เป็นธรรมชาติ เครื่องมือบางตัวอนุญาตให้คุณปรับการออกเสียงของคำเฉพาะ
  3. การกระจาย: เมื่อหนังสือเสียงของคุณพร้อมแล้ว พิจารณาว่าคุณจะแชร์อย่างไร คุณสามารถอัปโหลดไปยังแพลตฟอร์มเช่น Audible หรือ LinkedIn หรือเก็บไว้ใน Google Drive เพื่อใช้ส่วนตัว

โดยทำตามคำแนะนำทีละขั้นตอนนี้ คุณสามารถสร้างหนังสือเสียงจาก Google Docs ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เนื้อหาของคุณเข้าถึงได้และพกพาได้ ไม่ว่าจะใช้ส่วนตัว เพื่อการศึกษา หรือการกระจายมืออาชีพ ความสามารถในการแปลงข้อความเป็นเสียงช่วยเพิ่มการใช้งานของเอกสารดิจิทัลของคุณ

วิธีที่ง่ายที่สุด

วิธีที่ง่ายที่สุดในการแปลง Google Docs ของคุณเป็นหนังสือเสียงคือการใช้ Speechify Voiceover.

  1. คัดลอกและวางข้อความจากเอกสารของคุณ หรืออัปโหลดเข้าสู่ Speechify Studio
  2. Speechify Voiceover จะรักษาการแบ่งย่อหน้าและสร้างไทม์ไลน์ที่คุณสามารถแก้ไขได้
  3. เลือกเสียง AI จากกว่า 100 เสียงและสำเนียง
  4. เพิ่มเพลงพื้นหลังที่ไม่มีลิขสิทธิ์หากคุณต้องการ
  5. จากนั้นคลิกส่งออก แค่นั้นเอง!

การแปลงและการใช้ Google Docs กับเสียง

ในการแปลง Google Doc เป็นไฟล์เสียง ใช้เครื่องมือหรือแอปพลิเคชันแปลงข้อความเป็นเสียงที่มีอยู่ในอุปกรณ์หรือเบราว์เซอร์ของคุณ เช่น ฟีเจอร์ Read Aloud ของ Microsoft Edge หรือ ส่วนขยาย Chrome เช่น Read Aloud: A Text to Speech Voice Reader และบันทึกผลลัพธ์เป็นไฟล์เสียงในรูปแบบ MP3 หรือ WAV

ได้ Google Docs สามารถอ่านข้อความออกเสียงได้โดยใช้ฟีเจอร์ในตัว เช่น ตัวเลือก ‘Read aloud’ ใน Google Chrome หรือผ่านส่วนขยายและแอปพลิเคชันแปลงข้อความเป็นเสียงจากบุคคลที่สามที่ทำงานร่วมกับ Google Docs

ได้ คุณสามารถใช้ Google Docs เพื่อถอดเสียงโดยเปิดใช้งานฟีเจอร์ ‘Voice typing’ ภายใต้เมนูเครื่องมือ ซึ่งจะช่วยให้คุณพูดเนื้อหาเสียงและมันจะถอดเสียงให้แบบเรียลไทม์

ในการแปลง Google Docs เป็นเสียง ใช้ฟีเจอร์แปลงข้อความเป็นเสียง (TTS) จากเบราว์เซอร์ของคุณ (เช่น ฟีเจอร์ Read Aloud ของ Microsoft Edge) หรือจากแอป TTS ที่รองรับการอ่านเอกสารออกเสียง และเล่นข้อความเป็นเสียงพูด

เพลิดเพลินกับเสียง AI ที่ล้ำสมัยที่สุด ไฟล์ไม่จำกัด และการสนับสนุนตลอด 24/7

ทดลองฟรี
tts banner for blog

แชร์บทความนี้

Cliff Weitzman

คลิฟ ไวซ์แมน

ซีอีโอ/ผู้ก่อตั้ง Speechify

คลิฟ ไวซ์แมน เป็นผู้สนับสนุนผู้มีภาวะดิสเล็กเซียและซีอีโอผู้ก่อตั้ง Speechify แอปพลิเคชันแปลงข้อความเป็นเสียงอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งได้รับรีวิว 5 ดาวมากกว่า 100,000 ครั้ง และครองอันดับหนึ่งในหมวดข่าวและนิตยสารบน App Store ในปี 2017 ไวซ์แมนได้รับการยกย่องในรายชื่อ Forbes 30 under 30 จากผลงานของเขาที่ทำให้อินเทอร์เน็ตเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้ที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้ คลิฟ ไวซ์แมน ได้รับการนำเสนอในสื่อชั้นนำต่างๆ เช่น EdSurge, Inc., PC Mag, Entrepreneur, Mashable เป็นต้น

speechify logo

เกี่ยวกับ Speechify

#1 โปรแกรมอ่าน Text to Speech

Speechify เป็นแพลตฟอร์ม แปลงข้อความเป็นเสียง ชั้นนำของโลกที่มีผู้ใช้มากกว่า 50 ล้านคนและได้รับรีวิวระดับห้าดาวมากกว่า 500,000 รีวิวในแอปพลิเคชัน iOS, Android, Chrome Extension, เว็บแอป และ แอปบน Mac ในปี 2025 Apple ได้มอบรางวัล Apple Design Award ให้กับ Speechify ที่ WWDC โดยเรียกมันว่า “ทรัพยากรสำคัญที่ช่วยให้ผู้คนใช้ชีวิตได้ดีขึ้น” Speechify มีเสียงที่ฟังดูเป็นธรรมชาติกว่า 1,000 เสียงในกว่า 60 ภาษาและถูกใช้ในเกือบ 200 ประเทศ เสียงของคนดังที่มีให้เลือกได้แก่ Snoop Dogg, Mr. Beast และ Gwyneth Paltrow สำหรับผู้สร้างและธุรกิจ Speechify Studio มีเครื่องมือขั้นสูงรวมถึง AI Voice Generator, AI Voice Cloning, AI Dubbing และ AI Voice Changer Speechify ยังสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชั้นนำด้วย text to speech API ที่มีคุณภาพสูงและคุ้มค่า ได้รับการนำเสนอใน The Wall Street Journal, CNBC, Forbes, TechCrunch และสื่อข่าวใหญ่ๆ อื่นๆ Speechify เป็นผู้ให้บริการแปลงข้อความเป็นเสียงที่ใหญ่ที่สุดในโลก เยี่ยมชม speechify.com/news, speechify.com/blog และ speechify.com/press เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม