1. หน้าหลัก
  2. การพิมพ์ด้วยเสียง
  3. จากข้อความสู่ความรู้สึก: เมื่อเสียง AI ฟังดูเป็นมนุษย์มากขึ้น

จากข้อความสู่ความรู้สึก: เมื่อเสียง AI ฟังดูเป็นมนุษย์มากขึ้น

Cliff Weitzman

Cliff Weitzman

ซีอีโอ/ผู้ก่อตั้ง Speechify

#1 โปรแกรมอ่านข้อความเป็นเสียง
ให้ Speechify อ่านให้คุณฟัง

apple logoรางวัล Apple Design Award 2025
ผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคน

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เทคโนโลยีแปลงข้อความเป็นเสียง ได้พัฒนาจากเสียงหุ่นยนต์แข็งทื่อ สู่เสียงที่มีความเป็นมนุษย์อย่างน่าทึ่ง แต่การเปลี่ยนแปลงไม่ได้หยุดแค่เรื่องการออกเสียงและจังหวะ ขั้นต่อไปคือ ‘อารมณ์’ เสียง AI ยุคใหม่ที่เหมือนมนุษย์สามารถถ่ายทอดความสุข ความเศร้า ความตื่นเต้น หรือแม้แต่ความเห็นอกเห็นใจได้ และยังปรับให้เข้ากับภาษาและบริบททางวัฒนธรรมได้อย่างเหมาะสม นี่คือทุกเรื่องที่คุณควรรู้เกี่ยวกับวิธีที่เสียง AI กำลังกลายเป็นเหมือนมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ 

การก้าวสู่เสียง AI ที่เหมือนมนุษย์

ความต้องการเสียง AI ที่เหมือนมนุษย์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่ผู้ช่วยเสมือนจริง และแพลตฟอร์มอีเลิร์นนิง ไปจนถึงความบันเทิงและเครื่องมือช่วยการเข้าถึง ผู้ใช้คาดหวังว่า AI จะ ‘พูด’ ได้ลึกซึ้งทางอารมณ์ไม่ต่างจากมนุษย์ ความต่างระหว่างเสียงแข็งทื่อกับเสียงที่เข้าถึงใจ สามารถชี้ชะตาว่าผู้ใช้จะมีส่วนร่วมกับระบบหรือรู้สึกห่างเหิน

สิ่งที่ทำให้เทคโนโลยีแปลงข้อความเป็นเสียงในปัจจุบันโดดเด่น คือความสามารถในการตระหนักรู้ตามบริบท เทคโนโลยีแบบดั้งเดิมแค่เปลี่ยนข้อความให้กลายเป็นเสียงตามตัวสะกด แต่ระบบยุคใหม่ใช้โมเดล deep learning ที่ได้รับการฝึกจากคลังข้อมูลเสียงมนุษย์ขนาดใหญ่ เพื่อแยกแยะสัญญาณเสียงที่สะท้อนอารมณ์ เช่น น้ำเสียง ความเร็ว และระดับเสียง ส่งผลให้คำพูดฟังคุ้นหูและมีชีวิตชีวามากขึ้นเรื่อยๆ

การสังเคราะห์อารมณ์: ให้ AI มีหัวใจ

หนึ่งในความก้าวหน้าสำคัญของเทคโนโลยีแปลงข้อความเป็นเสียงเชิงอารมณ์ คือการสังเคราะห์อารมณ์ หมายถึงการออกแบบให้เครื่องจักรสามารถสร้างเสียงที่สื่ออารมณ์ได้อย่างแท้จริง แทนที่จะอ่านแค่ตัวอักษร AI ที่มีความตระหนักรู้ทางอารมณ์จะตีความความหมายที่ซ่อนอยู่ในถ้อยคำและปรับน้ำเสียงให้เหมาะสม

องค์ประกอบสำคัญของการสังเคราะห์อารมณ์ประกอบด้วย:

  • การเข้าใจบริบททางอารมณ์: AI จะวิเคราะห์ข้อความเพื่อค้นหาความรู้สึก เช่น ระบุว่าประโยคนั้นสื่อถึงความสุข ความเศร้า หรือความเร่งด่วน โดยอาศัยโมเดล NLU ที่ฝึกกับข้อมูลอารมณ์
  • การสร้างโทนเสียงให้สอดคล้องกับอารมณ์: เมื่อทราบอารมณ์แล้ว ระบบจะปรับคุณสมบัติของเสียง เช่น น้ำหนักเสียง จังหวะ และพลังเสียงให้สอดคล้อง ตัวอย่างเช่น หากตื่นเต้น จะมีเสียงสูงและพูดเร็ว สำหรับความเห็นอกเห็นใจจะเลือกโทนเสียงอ่อนโยน ช้าลง
  • การปรับเปลี่ยนอารมณ์แบบไดนามิก: ระบบขั้นสูงสามารถเปลี่ยนอารมณ์ระหว่างประโยคได้ หากบริบทเปลี่ยน ให้เสียง AI ฟังดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น

เมื่อ AI เชี่ยวชาญการสังเคราะห์อารมณ์ มันจะไม่เพียงแค่อ่าน แต่ยังส่งผ่านความรู้สึกไปพร้อมกัน ความตระหนักรู้นี้ ทำให้เนื้อหาคงที่พลิกโฉมเป็นประสบการณ์การสื่อสารเชิงอารมณ์ที่เข้าถึงใจ

การสร้างแบบจำลองการแสดงออก: สอน AI ให้เข้าใจศิลปะของน้ำเสียง

หากการสังเคราะห์อารมณ์ทำให้เสียง AIมีอารมณ์ ความสามารถในการสร้างแบบจำลองการแสดงออกก็ยกระดับความละเอียดนั้นให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แบบจำลองนี้เน้นที่การสะท้อนบุคลิกของผู้พูด เจตนา และความหมายแฝงในน้ำเสียง ทำให้ AI ปรับได้ไม่ใช่แค่พูดอะไรแต่ยังพูดอย่างไรอีกด้วย

องค์ประกอบหลักของการสร้างแบบจำลองการแสดงออกประกอบด้วย:

  • การเรียนรู้อารมณ์เชิงข้อมูล: เครือข่ายประสาทลึก (deep neural networks) วิเคราะห์เสียงมนุษย์นับพันชั่วโมงเพื่อหาลักษณะเฉพาะของแต่ละอารมณ์และรูปแบบการพูด
  • การสร้างบุคลิกของผู้พูด: เสียง AI บางตัวได้รับการฝึกให้รักษาบุคลิกหรือโทนเสียงที่ต่อเนื่อง เช่น ผู้ช่วยลูกค้าแสนอบอุ่น หรือครูดิจิทัลที่มั่นใจและชัดเจน
  • การควบคุมการพูดตามบริบท: แบบจำลองนี้จะตีความเครื่องหมายวรรคตอน ความยาวประโยค หรือคำที่เน้น เพื่อสร้างไดนามิกการพูดที่เหมาะสม

กล่าวโดยสรุป การสร้างแบบจำลองการแสดงออกทำให้เสียง AIเลียนแบบความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์ในบทสนทนาได้อย่างแท้จริง เป็นเหตุผลที่ผู้เล่าเรื่อง AI รู้จักหยุดเว้นจังหวะ หรือผู้ช่วยดิจิทัลขอโทษด้วยน้ำเสียงที่สัมผัสได้จริงเวลาเกิดข้อผิดพลาด

การปรับโทนอารมณ์ข้ามภาษา: สะท้อนอารมณ์ระหว่างวัฒนธรรม

หนึ่งในความท้าทายใหญ่สุดของTTS เชิงอารมณ์ คือ ความหลากหลายทั้งเชิงภาษาและวัฒนธรรม แม้อารมณ์จะเป็นสากล แต่การแสดงออกผ่านเสียงกลับแตกต่างกันไปในแต่ละภาษาและภูมิภาค โทนเสียงร่าเริงในวัฒนธรรมหนึ่ง อาจถูกมองว่าโอเวอร์เกินไปในอีกวัฒนธรรมหนึ่ง

การปรับโทนอารมณ์ข้ามภาษา ทำให้เสียง AIเคารพความละเอียดอ่อนเหล่านี้ นักพัฒนาไม่ได้ใช้โมเดลเดียวกับทุกภาษา แต่ฝึกฝนระบบด้วยคลังเสียงที่หลากหลาย เพื่อให้ AI ปรับโทนและอารมณ์ตามความคาดหวังของผู้ฟังในแต่ละวัฒนธรรมอย่างแท้จริง

องค์ประกอบสำคัญของการปรับโทนอารมณ์ข้ามภาษาได้แก่:

  • การจับคู่แผนที่อารมณ์เฉพาะภาษา: AI จะเรียนรู้ว่าการแสดงอารมณ์ของแต่ละภาษาต่างกัน อย่างเช่น ความตื่นเต้นในภาษาสเปนเทียบกับภาษาญี่ปุ่น
  • การปรับแต่งสำเนียงและจังหวะ: ระบบจะปรับสำเนียงและจังหวะการพูดให้สอดคล้องกับแต่ละภาษา ขณะยังรักษาอารมณ์เดิมเอาไว้
  • การรักษาความต่อเนื่องของบุคลิกเสียงข้ามภาษา: สำหรับองค์กรระดับโลก เสียง AI ต้องรักษาบุคลิกภาพเดิมในทุกภาษา การปรับโทนอารมณ์ข้ามภาษาช่วยให้เสียง AI รู้สึกเหมือนเดิม แม้จะพูดคนละภาษา

เมื่อสามารถปรับโทนอารมณ์ข้ามภาษาได้สำเร็จ นักพัฒนาจะทำให้เสียง AIที่เหมือนมนุษย์ดูดีไม่ใช่แค่เชิงเทคนิค แต่ยังอบอวลไปด้วยความเข้าอกเข้าใจทางอารมณ์ด้วย

วิทยาศาสตร์เบื้องหลังอารมณ์ในเสียง

หัวใจของเสียง AI ที่เหมือนมนุษย์คือการผสานเทคโนโลยีชั้นสูงหลายแขนงเข้าด้วยกัน

  • เครือข่ายประสาทเทียมแบบลึก (DNNs): ระบบเหล่านี้เรียนรู้รูปแบบซับซ้อนจากชุดข้อมูลขนาดใหญ่ เชื่อมโยงระหว่างข้อความกับเสียงพูดที่เหมาะสม
  • เครือข่าย GANs: บางระบบเลือกใช้ GAN เพื่อดันความสมจริงให้สูงขึ้น โดยให้เครือข่ายหนึ่งสร้างเสียงและอีกเครือข่ายประเมินความสมจริงของเสียงนั้น
  • โมเดลจับคู่อารมณ์กับเสียงพูด: ด้วยการเชื่อมโยงความหมายของข้อความและโทนเสียง AI จึงเข้าใจไม่เพียงแต่ความหมายแต่ยังรวมถึงน้ำหนักทางอารมณ์ของแต่ละคำ
  • การเรียนรู้แบบเสริมกำลัง (Reinforcement Learning): การป้อนฟีดแบ็กกลับให้ AI ช่วยให้ AI ปรับปรุงได้ต่อเนื่อง เรียนรู้ว่าการออกเสียงและโทนแบบไหนโดนใจผู้ฟังที่สุด

เทคโนโลยีเหล่านี้ทำงานร่วมกันสร้างเสียง AIที่ไม่เพียงแค่ลอกเลียนโทนเสียงมนุษย์ แต่ยังสะท้อนความฉลาดทางอารมณ์อีกด้วย

การใช้งานจริงของเทคโนโลยีแปลงข้อความเป็นเสียงเชิงอารมณ์ 

ผลกระทบของTTS เชิงอารมณ์ ครอบคลุมหลายธุรกิจ องค์กรและครีเอเตอร์กำลังนำเสียง AI ที่เหมือนมนุษย์ไปพลิกโฉมประสบการณ์ของผู้ใช้โดยตรง

ตัวอย่างการใช้งานจริงเช่น:

  • ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า: แบรนด์นำ AI ที่ตอบสนองทางอารมณ์ไปใช้ในผู้ช่วยเสมือน หรือระบบตอบรับอัตโนมัติ เพื่อบริการที่เข้าอกเข้าใจ ช่วยลดความตึงเครียด หรือตอบสนองต่อน้ำเสียงเชิงบวกของลูกค้า
  • การเข้าถึงและความครอบคลุม: ระบบแปลงข้อความเป็นเสียงเชิงอารมณ์ช่วยให้ผู้มีความบกพร่องทางสายตาหรือการอ่านรับรู้เนื้อหาออนไลน์ในมิติทางอารมณ์ ทำให้นิทาน เรื่องราว หรือเนื้อหา ฟังแล้วน่าติดตามและเชื่อมโยงได้มากขึ้น
  • อีเลิร์นนิงและการศึกษา: เสียงเหมือนมนุษย์ช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้เรียน ทำให้บทเรียนดูสมจริงยิ่งขึ้น การเปลี่ยนโทนเสียงช่วยดึงความสนใจและช่วยเรื่องการจดจำข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น
  • ความบันเทิงและการเล่าเรื่อง: ในนิทาน เกม หรือหนังสือเสียงเสียงเอไอที่แสดงออกทางอารมณ์ช่วยเติมเต็มอารมณ์ที่สมจริงแก่ตัวละครและเรื่องราว ดึงดูดคนฟัง
  • สุขภาพและจิตใจ: บอท AI เพื่อนช่วยเหลือหรือบำบัดจะใช้เทคโนโลยีแปลงข้อความเป็นเสียงเชิงอารมณ์ เพื่อมอบความสบายใจ กำลังใจ และความเข้าใจ—ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการสนับสนุนสุขภาพจิต

ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า การสังเคราะห์เสียงที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ ไม่ใช่แค่เทรนด์ใหม่ แต่คือเครื่องมือการสื่อสารทรงพลังที่กำลังเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับ AI

จริยธรรมและเส้นทางในอนาคต

ในขณะที่เสียง AI ที่เหมือนมนุษย์ สร้างประโยชน์มหาศาล ก็ยังมีประเด็นทางจริยธรรมตามมา เมื่อเสียงที่สังเคราะห์ด้วย AI เหมือนจริงจนแยกไม่ออกจากมนุษย์ ก็ก่อให้เกิดความกังวลเรื่องการยินยอม การนำไปใช้ผิดทาง และความน่าเชื่อถือ นักพัฒนาจึงควรให้ความสำคัญกับความโปร่งใส เปิดเผยให้ชัดว่าผู้ใช้กำลังสื่อสารกับ AI และปกป้องความเป็นส่วนตัวอย่างเข้มงวด

นอกจากนี้ การสร้างโมเดลอารมณ์อย่างมีความรับผิดชอบ ควรหลีกเลี่ยงการชักจูงหรือหลอกลวง จุดประสงค์ของการแปลงข้อความเป็นเสียงเชิงอารมณ์ไม่ใช่เพื่อให้เครื่องกลายเป็นมนุษย์ แต่เพื่อสร้างประสบการณ์การสื่อสารที่เห็นอกเห็นใจ เข้าถึงง่าย และครอบคลุมผู้ใช้ทุกกลุ่ม

อนาคตของเสียง AI เชิงอารมณ์

เมื่อการวิจัยเดินหน้าต่อ เราจะได้เห็นเสียง AI ที่เหมือนมนุษย์ยิ่งสมจริงขึ้นเรื่อยๆ ความก้าวหน้าในเรื่องการรู้จำอารมณ์ตามบริบท การออกแบบเสียงเฉพาะบุคคล และการสังเคราะห์โทนอารมณ์แบบเรียลไทม์ จะทำให้บทสนทนาเอไอแทบแยกไม่ออกจากมนุษย์

ลองจินตนาการถึง AI ที่ไม่เพียงแต่พูด แต่ยังเชื่อมต่อความรู้สึกกับเราได้ เช่น เข้าใจอารมณ์ผู้ใช้ ปรับโทนเพื่อปลอบโยน หรือแสดงความอบอุ่นและความกระตือรือร้นอย่างแท้จริง นี่คืออนาคตของTTS เชิงอารมณ์ ที่เทคโนโลยีจะสื่อสารกับความเป็นมนุษย์ มากกว่าตอบโจทย์ความมีประสิทธิภาพเพียงอย่างเดียว

Speechify: เสียง AI เซเลบริตี้สมจริง

เสียงเซเลบริตี้ในSpeechify เช่น Snoop Dogg, Gwyneth Paltrow และ MrBeast แสดงให้เห็นว่าเสียง AIมีความเป็นมนุษย์มากแค่ไหน เสียงเหล่านี้สามารถถ่ายทอดจังหวะธรรมชาติ การเน้นคำ และความละเอียดอ่อนทางอารมณ์ที่ผู้ฟังรับรู้ได้ทันที คงความเป็นตัวของแต่ละคนไว้ ไม่ใช่แค่การอ่านตัวอักษร เมื่อได้ยินข้อความผ่านจังหวะสบายๆ ของ Snoop Dogg ความสงบนุ่มนวลของ Gwyneth Paltrow หรือพลังสดใสของ MrBeast จะสัมผัสได้ว่าเทคโนโลยี Speechify ก้าวหน้าไปถึงจุดไหน และยังต่อยอดประสบการณ์นี้ด้วยVoice Typing ฟรี ให้ผู้ใช้พูดแล้วกลายเป็นข้อความได้เร็วขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และผู้ช่วยVoice AI Assistantในตัวสำหรับสนทนากับหน้าเว็บหรือเอกสาร เพื่อรับสรุปเนื้อหา คำอธิบาย และประเด็นสำคัญได้ทันที—ทุกอย่างถูกรวมไว้ในประสบการณ์เดียวที่ขับเคลื่อนด้วยเสียงเป็นหลัก

คำถามที่พบบ่อย

เสียง AI กลายเป็นเหมือนมนุษย์มากขึ้นได้อย่างไร?

เสียง AI กลายเป็นเหมือนมนุษย์มากขึ้นจากการใช้เทคโนโลยีสังเคราะห์อารมณ์และแบบจำลองการแสดงออก เช่นเดียวกับที่Speechify Voice AI Assistant ถ่ายทอดน้ำเสียงได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าติดตาม

เทคโนโลยีแปลงข้อความเป็นเสียงเชิงอารมณ์คืออะไร?

เทคโนโลยีแปลงข้อความเป็นเสียงเชิงอารมณ์คือเสียง AIที่ตรวจจับอารมณ์และปรับโทนเสียง จังหวะการพูด และระดับเสียงให้เหมาะสม เช่นเดียวกับที่Speechifyถ่ายทอดข้อมูลอย่างเข้าใจอารมณ์

ทำไมอารมณ์จึงสำคัญกับเสียง AI?

อารมณ์ช่วยให้เสียง AIฟังดูน่าเชื่อถือ เข้าถึงง่าย และเป็นกันเอง จึงเป็นเหตุผลที่ Speechify Voice AI Assistant ให้ความสำคัญกับการพูดที่จับใจและเน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง

เสียง AI เข้าใจอารมณ์ในข้อความได้อย่างไร?

เสียง AIวิเคราะห์รูปแบบภาษาและอารมณ์ด้วยเทคโนโลยีความเข้าใจภาษาธรรมชาติ เช่นเดียวกับที่Speechify Voice AI Assistantใช้ในการตอบสนองอย่างชาญฉลาด

แบบจำลองการแสดงออกช่วยยกระดับเสียง AI อย่างไร?

การสร้างแบบจำลองการแสดงออกสอนให้ AI เข้าใจการพูดในแต่ละสถานการณ์ ช่วยให้Speechify Voice AI Assistantตอบสนองได้อย่างละเอียดและเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น

เสียง AI สามารถปรับอารมณ์ข้ามภาษาได้หรือไม่?

ได้ ระบบขั้นสูงสามารถปรับโทนอารมณ์ให้เข้ากับหลากหลายวัฒนธรรม เช่นเดียวกับที่Speechify Voice AI Assistantสื่อสารอย่างเป็นธรรมชาติในหลายภาษา

ทำไมเสียง AI ที่เหมือนมนุษย์ถึงช่วยเรื่องการเข้าถึง?

เสียง AI ที่เป็นธรรมชาติช่วยให้เนื้อหาเข้าใจง่ายและน่าติดตาม ซึ่งเป็นจุดเด่นด้านaccessibilityที่ได้รับการสนับสนุนโดยSpeechify Voice AI Assistant

เสียง AI มีบทบาทอย่างไรกับผู้ช่วยเสมือน?

เสียง AIทำให้ผู้ช่วยเสมือนฟังดูเห็นอกเห็นใจ เป็นกันเอง และคุยง่าย ซึ่งเป็นหัวใจของประสบการณ์ที่Speechify Voice AI Assistantมอบให้

เสียง AI เชิงอารมณ์ช่วยประสบการณ์ลูกค้าอย่างไร?

เสียงที่เข้าใจอารมณ์ช่วยลดความหัวเสียและสร้างความไว้วางใจให้ลูกค้า ทำให้ประสบการณ์โดยรวมราบรื่นและน่าประทับใจมากขึ้น 

เสียง AI ใกล้เคียงมนุษย์มากแค่ไหน?

เสียง AIกำลังเข้าใกล้ความมีชีวิตชีวาเหมือนมนุษย์อย่างมาก โดยเฉพาะในระบบที่ผสานทั้งอารมณ์และบริบทเหมือนSpeechify Voice AI Assistant

เพลิดเพลินกับเสียง AI ที่ล้ำสมัยที่สุด ไฟล์ไม่จำกัด และการสนับสนุนตลอด 24/7

ทดลองฟรี
tts banner for blog

แชร์บทความนี้

Cliff Weitzman

Cliff Weitzman

ซีอีโอ/ผู้ก่อตั้ง Speechify

คลิฟฟ์ ไวท์ซ์แมน เป็นผู้ขับเคลื่อนสิทธิผู้มีภาวะดิสเล็กเซีย และดำรงตำแหน่งซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Speechify แอปแปลงข้อความเป็นเสียงอันดับ 1 ของโลก ที่กวาดรีวิว 5 ดาวกว่า 100,000 รายการ และเคยครองอันดับ 1 ใน App Store หมวดข่าวสารและนิตยสาร ในปี 2017 ไวท์ซ์แมนติดโผ Forbes 30 Under 30 จากผลงานผลักดันให้โลกออนไลน์เข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ผลงานของคลิฟฟ์ ไวท์ซ์แมนถูกกล่าวถึงในสื่อชั้นนำอย่าง EdSurge, Inc., PC Mag, Entrepreneur, Mashable และอีกมากมาย

speechify logo

เกี่ยวกับ Speechify

#1 โปรแกรมอ่านข้อความเป็นเสียง

Speechify เป็นแพลตฟอร์ม แปลงข้อความเป็นเสียง ชั้นนำของโลกที่มีผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคน และได้รับรีวิวระดับ 5 ดาวมากกว่า 500,000 รีวิวในแอปพลิเคชัน iOS, Android, Chrome Extension, เว็บแอป และ แอปบน Mac ในปี 2025 Apple ได้มอบรางวัล Apple Design Award อันทรงเกียรติให้กับ Speechify ในงาน WWDC โดยกล่าวว่าเป็น “ทรัพยากรสำคัญที่ช่วยให้ผู้คนใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น” Speechify มีเสียงธรรมชาติกว่า 1,000 เสียงใน 60+ ภาษา และมีผู้ใช้งานในเกือบ 200 ประเทศ เสียงคนดังที่มีให้เลือกใช้งาน เช่น Snoop Dogg, Mr. Beast และ Gwyneth Paltrow สำหรับผู้สร้างสรรค์และธุรกิจ Speechify Studio มีเครื่องมือขั้นสูง เช่น AI Voice Generator, AI Voice Cloning, AI Dubbing และ AI Voice Changer Speechify ยังสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชั้นนำด้วย Text to Speech API ที่มีคุณภาพสูงและคุ้มค่า นอกจากนี้ยังได้รับการนำเสนอใน The Wall Street Journal, CNBC, Forbes, TechCrunch และสื่อชั้นนำอื่น ๆ Speechify เป็นผู้ให้บริการแปลงข้อความเป็นเสียงที่ใหญ่ที่สุดในโลก เยี่ยมชม speechify.com/news, speechify.com/blog และ speechify.com/press เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม