1. หน้าแรก
  2. สมาธิสั้น (ADHD)
  3. วิธีที่ครูช่วยนักเรียนที่มีภาวะ ADHD
สมาธิสั้น (ADHD)

วิธีที่ครูช่วยนักเรียนที่มีภาวะ ADHD

Cliff Weitzman

Cliff Weitzman

ซีอีโอ/ผู้ก่อตั้ง Speechify

#1 โปรแกรมอ่านข้อความเป็นเสียง
ให้ Speechify อ่านให้คุณฟัง

apple logoรางวัล Apple Design Award 2025
ผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคน

นักเรียน ที่มีภาวะสมาธิสั้น (ADHD) มักฉลาด มีพลัง และคิดสร้างสรรค์ เติมจินตนาการให้ห้องเรียน แต่ก็อาจลำบากกับการจดจ่อ การจัดระเบียบ และการควบคุมความหุนหันพลันแล่น โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ต้องโฟกัสนาน ๆ หรือทำงานซ้ำ ๆ

สำหรับครู การสนับสนุนนักเรียน ที่มี ADHD ไม่ใช่แค่การจัดการพฤติกรรม แต่คือการเข้าใจวิธีเรียนรู้ของพวกเขา และช่วยต่อยอดจุดแข็งเพื่อให้สำเร็จ ด้วยความอดทน ความยืดหยุ่น และกลยุทธ์ที่เหมาะสม ผู้สอนสามารถสร้างห้องเรียนที่ทำให้นักเรียน ADHD รู้สึกมีคุณค่า โฟกัสได้ และมั่นใจ ในบทความนี้ เราจะสำรวจสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับวิธีที่ครูจะสนับสนุนนักเรียน ที่มี ADHD

เข้าใจ ADHD ในห้องเรียน

ADHD เป็นภาวะพัฒนาการทางระบบประสาทที่ส่งผลต่อความสนใจ การควบคุมความหุนหันพลันแล่น และทักษะบริหารจัดการ นักเรียนบางคนมีลักษณะเด่นคือขาดสมาธิ ขณะที่บางคนอยู่ไม่นิ่งหรือหุนหันพลันแล่นมากกว่า และหลายคนอาจเป็นทั้งสองแบบผสมกัน

เด็กกลุ่มนี้อาจลืมคำสั่ง ทำของหาย เหม่อลอย หรือพูดแทรก แต่เบื้องหลังความท้าทายคือคนที่คิดไว ชอบสิ่งใหม่ งานลงมือทำ และการเชื่อมโยงทางอารมณ์ เมื่อสภาพแวดล้อมสนับสนุนการเคลื่อนไหว โครงสร้าง และการมีส่วนร่วม นักเรียน ADHD สามารถเติบโตได้เต็มศักยภาพ

คู่มือสำหรับครู: วิธีสนับสนุนนักเรียนที่มี ADHD

คำแนะนำนี้ช่วยครูมองเห็นจุดแข็งและความท้าทายเฉพาะของนักเรียน ที่มี ADHD พร้อมทั้งเสนอแนวทางปฏิบัติที่ใช้ได้จริง เพื่อเสริมสมาธิ ความมั่นใจ และความสำเร็จในห้องเรียน. 

สร้างห้องเรียนที่ส่งเสริมการเคลื่อนไหวและสมาธิ

การนั่งนิ่งนาน ๆ เป็นเรื่องยากสำหรับนักเรียน ที่มี ADHD เพื่อช่วยให้มีส่วนร่วม ให้ผนวกการเคลื่อนไหวเข้ากับการเรียนเมื่อทำได้ ลองใช้ "พักสมอง" สั้น ๆ โต๊ะยืน หรือช่วงยืดเส้นยืดสายระหว่างกิจกรรม ใส่กิจกรรมที่ใช้การเคลื่อนไหว เช่น การแสดงบทบาท การคุยขณะเดิน หรือการสาธิตแบบลงมือทำ เพื่อคงความสนใจ อนุญาตให้อุปกรณ์ระบายพลัง เช่น ของเล่นสำหรับขยับมือ การขีดเขียนเล่น หรือจดโน้ตสั้น ๆ ช่วยให้นักเรียนนักเรียน นำพลังส่วนเกินไปใช้ให้เกิดประโยชน์ แทนการกดไว้

ใช้กิจวัตรที่ชัดเจนและสม่ำเสมอ

ความคาดเดาได้คือกุญแจสำคัญสำหรับนักเรียน ที่มี ADHD สร้างกิจวัตรห้องเรียนที่ชัดเจน และใช้ตารางภาพเพื่อแสดงโครงสร้างของวัน เมื่อจะเปลี่ยนกิจกรรม เช่น จากการอ่านไปคณิตศาสตร์ ให้สัญญาณทั้งคำพูดและภาพเพื่อเตรียมพร้อม ให้คำสั่งสั้น กระชับ เจาะจง และตรวจสอบความเข้าใจ แบ่งงานใหญ่เป็นขั้นตอนย่อย เพื่อลดความรู้สึกท่วมท้นและกันการผัดวัน ใช้ตัวจับเวลาแบบภาพและรายการตรวจสอบ เพื่อช่วยเรื่องการบริหารเวลาและทำงานให้เสร็จ

ผสมผสานการเรียนรู้หลายประสาทสัมผัสและแบบลงมือทำ

ADHD สมองต้องการสิ่งกระตุ้นและความแปลกใหม่ บทเรียนที่มีการเคลื่อนไหว ภาพประกอบ และการมีส่วนร่วม ดึงดูดความสนใจได้ดีกว่าการบรรยายอย่างเดียว ใช้สื่อสีสัน แผนผังช่วยคิด และงานกลุ่มแบบร่วมมือ ให้ students สวมบทบาทเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ใช้สื่อจับต้องได้ในการเรียนคณิต หรือทำ summaries เป็นภาพ เมื่อเรียนแบบหลายประสาทสัมผัสพร้อมกัน ADHD students จะมีส่วนร่วมนานขึ้นและจำได้ดีขึ้น

จัดที่นั่งและตัวเลือกการทำงานให้ยืดหยุ่น

พลังงานและความต้องการสมาธิของนักเรียนแต่ละคนที่มี ADHD แตกต่างกัน จัดตัวเลือกที่นั่ง เช่น เบาะสั่น โต๊ะยืน หรือนั่งพื้น เพื่อให้ students มีอิสระเลือกวิธีเรียนที่เหมาะกับตัวเอง เปิดทางให้ยืดหยุ่นในการทำงาน เช่น บางคนถนัดบันทึกคำตอบด้วยเสียง บางคนพิมพ์แทนเขียนมือ ห้องเรียนที่ยืดหยุ่นช่วยให้ผู้เรียน ADHD รู้สึกมีพลังและไม่ถูกตีกรอบ

ให้คำติชมเชิงบวกแบบทันที

Students ที่มี ADHD มักได้รับคำวิจารณ์มากกว่าคำชม ซึ่งบั่นทอนความมั่นใจ จึงควรให้ข้อเสนอแนะบ่อย ชัดเจน และให้กำลังใจ แทนที่จะพูดว่า “อย่าขัดจังหวะ” ลองว่า “ฉันชอบที่คุณรอให้พูดจบก่อนค่อยเล่าไอเดีย” ใช้ระบบแต้ม คำชมด้วยวาจา หรือสิทธิพิเศษเล็กๆ เพื่อเสริมพฤติกรรมเชิงบวก การยอมรับความพยายาม ไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ ช่วยปลุกแรงจูงใจและความภาคภูมิใจในตนเอง

ใช้เครื่องมือที่ช่วยสมาธิและการจัดระเบียบ

เทคโนโลยีเป็นผู้ช่วยสำคัญสำหรับผู้เรียน ADHD ปฏิทินดิจิทัล ตัวจับเวลา และแอปจดโน้ต ช่วยจัดระบบและติดตามความรับผิดชอบ Speechify เช่น อ่านข้อความดิจิทัลให้ฟังได้ ช่วยให้ students ที่หลุดโฟกัสเวลาอ่าน มีส่วนร่วมผ่านการฟัง ครูสามารถแชร์เนื้อหาหรือแบบฝึกเป็นเสียง เพื่อให้ students ทบทวนระหว่างเคลื่อนไหวหรือทำงานบ้าน การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีช่วยเหลืออย่างรับผิดชอบ ช่วยให้ students พัฒนาความเป็นอิสระและทักษะการจัดการตนเองที่ใช้ได้ไกลกว่าห้องเรียน

ย่อยงานเป็นขั้นตอนที่ทำได้จริง

โครงการใหญ่ทำให้ students ที่มี ADHD รู้สึกหนักใจ เพราะข้อจำกัดด้านความจำขณะทำงาน ช่วยให้พวกเขาสำเร็จได้ด้วยการย่อยงานเป็นส่วนย่อยๆ พร้อมกำหนดเส้นตายให้ชัด ทำเช็กลิสต์เป็นลายลักษณ์อักษรและเตือนปากเปล่าสำหรับแต่ละขั้นตอน ใช้สีช่วยไฮไลต์จุดสำคัญ และเว้นพักสั้นๆ ระหว่างช่วง ความสำเร็จเล็กๆ แต่ละครั้งช่วยต่อยอดแรงฮึดและความมั่นใจ

สื่อสารกับผู้ปกครองและทีมสนับสนุน

ADHD ได้ผลดีที่สุดเมื่อครู ผู้ปกครอง และผู้เชี่ยวชาญทำงานร่วมกัน สื่อสารกันเสมอเรื่องพัฒนาการ ตัวกระตุ้น และกลยุทธ์ที่ใช้ได้ทั้งบ้านและโรงเรียน แชร์กิจวัตรหรือเครื่องมือที่ช่วยให้ students จัดระเบียบ เช่น ปฏิทินรายวัน แผนผังเตือนความจำ หรือแอปฟัง ความสม่ำเสมอระหว่างสภาพแวดล้อมช่วยหนุนพฤติกรรมการเรียนรู้และลดความเครียดของนักเรียน หากปัญหายังคงอยู่ ให้ประสานกับที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาการศึกษา เพื่อปรับกลยุทธ์และจัดสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น เวลาเพิ่มเติม หรือสอบในที่เงียบ

ส่งเสริมความผูกพันทางอารมณ์และความเห็นอกเห็นใจ

ADHD students มักไวต่อโทนเสียงและคำติชม น้ำเสียงที่ใจเย็นและเห็นอกเห็นใจช่วยสร้างความไว้ใจ เมื่อผู้เรียนเสียสมาธิหรือหุนหันพลันแล่น ให้แยกพฤติกรรมออกจากตัวคน—ชี้ทางใหม่แทนการตำหนิ การมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นช่วยเพิ่มแรงจูงใจและความร่วมมือ เมื่อ students รู้ว่าครูเชื่อมั่นในตัวพวกเขา พวกเขาจะพยายามมากขึ้น กล้าลองมากขึ้น และเติบโตทั้งด้านวิชาการและอารมณ์

ยกย่องความคิดสร้างสรรค์และจุดแข็ง

Students ที่มี ADHD มักพาความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์ขัน และจินตนาการมาสู่ห้องเรียน โฟกัสจุดเด่นเหล่านี้ผ่านงานแบบเปิดปลาย การเล่าเรื่อง หรือโจทย์ออกแบบที่โชว์ความคิดสร้างสรรค์ เปิดโอกาสให้พวกเขาเป็นแกนนำงานกลุ่ม สำรวจความสนใจ หรือสอนเพื่อนผ่านกิจกรรมเชิงโต้ตอบ เมื่อดึงพลังธรรมชาติของพวกเขาไปใช้ในทางสร้างสรรค์ ทั้งชั้นก็ได้ประโยชน์

การใช้ Speechify เพื่อสนับสนุนนักเรียนที่มี ADHD

สำหรับ students ที่มี ADHD การโฟกัสเวลาอ่านอาจยาก โดยเฉพาะเมื่องานยาวหรือคำสั่งละเอียด ฟังไปอ่านไปช่วยยืดช่วงใส่ใจและเพิ่ม comprehension เพราะกระตุ้นทั้งการได้ยินและการมองเห็นพร้อมกัน ด้วยความเร็วการเล่นที่ปรับได้ เสียงเป็นธรรมชาติ และฟีเจอร์เน้นข้อความ, Speechify ช่วยให้แต่ละคนปรับประสบการณ์ให้เข้ากับระดับสมาธิของตัวเอง โดยแทรก Speechify ในกิจวัตรห้องเรียนหรือใช้ที่บ้าน ครูลดความหงุดหงิด หนุน comprehension และช่วยให้ ADHD students จัดระเบียบและมีส่วนร่วมได้ โดยไม่รู้สึกถูกงานอ่านถาโถม

การสอนด้วยความเข้าใจและความยืดหยุ่น

การสนับสนุน students ที่มี ADHD เริ่มจากความเข้าอกเข้าใจ ต่อด้วยความสม่ำเสมอ ความคิดสร้างสรรค์ และความยืดหยุ่น เมื่อครูปรับบทเรียนให้ตรงความต้องการ แยกงานเป็นส่วน ๆ เปิดโอกาสให้ขยับตัว ใช้เครื่องมืออย่าง Speechify และชื่นชมความก้าวหน้า—students จะได้ไม่ใช่แค่ความสำเร็จทางวิชาการ แต่ได้ความมั่นใจระยะยาว ผู้เรียน ADHD ทุกคนมีศักยภาพที่จะเติบโตในห้องเรียนที่เห็นคุณค่าวิธีที่สมองของพวกเขาทำงาน เมื่อสอนด้วยความเข้าใจ เราไม่ได้แค่ดีดระดับผลการเรียน—แต่ช่วยปลดล็อกศักยภาพ

FAQ

ครูจะช่วยให้นักเรียนที่มี ADHD โฟกัสได้อย่างไร?

ใช้ภารกิจสั้น ๆ บทเรียนที่ขยับได้ และพักเบรกให้ลุกไปขยับตัว จัดโครงสร้างให้ชัด พร้อมสัญญาณภาพเตือนก่อนเปลี่ยนกิจกรรมหรือใกล้กำหนดส่ง เทคโนโลยีช่วยเหลืออย่างแอป text to speech, Speechify ก็ช่วยให้ students ที่มี ADHD โฟกัสได้ 

เครื่องมือในห้องเรียนใดช่วยนักเรียนที่มี ADHD?

ตัวจับเวลาแบบภาพ เช็กลิสต์ แผนงาน และแอปอย่าง Speechify ช่วยเพิ่มสมาธิและ comprehension ด้วยการเปลี่ยนข้อความเป็นเสียงที่ชวนติดตาม

ควรให้นักเรียนที่มี ADHD มีเวลาเพิ่มในการทำข้อสอบไหม?

ใช่ การให้นักเรียน ADHD นักเรียน ได้เวลาเพิ่ม ลดสิ่งรบกวน หรือใช้รูปแบบการสอบทางเลือก ช่วยให้พวกเขาแสดงศักยภาพได้ โดยไม่เสียเปรียบเพราะจังหวะการทำงานช้ากว่า

ครูจะรับมือกับความหุนหันพลันแล่น (impulsivity) อย่างไร?

ตั้งความคาดหวังให้ชัด เบนความสนใจอย่างใจเย็น และเสริมแรงพฤติกรรมเชิงบวกด้วยคำชมสม่ำเสมอและกำลังใจ

สิ่งสำคัญที่สุดที่ครูควรจำไว้คืออะไร?

ADHD ไม่ใช่เพราะขาดความพยายามหรือวินัย แต่เป็นความแตกต่างด้านการประมวลผลความสนใจ ความเมตตา ความยืดหยุ่น และโครงสร้างที่ดี สามารถเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้ของนักเรียนได้

เพลิดเพลินกับเสียง AI ที่ล้ำสมัยที่สุด ไฟล์ไม่จำกัด และการสนับสนุนตลอด 24/7

ทดลองฟรี
tts banner for blog

แชร์บทความนี้

Cliff Weitzman

Cliff Weitzman

ซีอีโอ/ผู้ก่อตั้ง Speechify

คลิฟฟ์ ไวท์ซ์แมน เป็นผู้ขับเคลื่อนสิทธิผู้มีภาวะดิสเล็กเซีย และดำรงตำแหน่งซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Speechify แอปแปลงข้อความเป็นเสียงอันดับ 1 ของโลก ที่กวาดรีวิว 5 ดาวกว่า 100,000 รายการ และเคยครองอันดับ 1 ใน App Store หมวดข่าวสารและนิตยสาร ในปี 2017 ไวท์ซ์แมนติดโผ Forbes 30 Under 30 จากผลงานผลักดันให้โลกออนไลน์เข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ผลงานของคลิฟฟ์ ไวท์ซ์แมนถูกกล่าวถึงในสื่อชั้นนำอย่าง EdSurge, Inc., PC Mag, Entrepreneur, Mashable และอีกมากมาย

speechify logo

เกี่ยวกับ Speechify

#1 โปรแกรมอ่านข้อความเป็นเสียง

Speechify เป็นแพลตฟอร์ม แปลงข้อความเป็นเสียง ชั้นนำของโลกที่มีผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคน และได้รับรีวิวระดับ 5 ดาวมากกว่า 500,000 รีวิวในแอปพลิเคชัน iOS, Android, Chrome Extension, เว็บแอป และ แอปบน Mac ในปี 2025 Apple ได้มอบรางวัล Apple Design Award อันทรงเกียรติให้กับ Speechify ในงาน WWDC โดยกล่าวว่าเป็น “ทรัพยากรสำคัญที่ช่วยให้ผู้คนใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น” Speechify มีเสียงธรรมชาติกว่า 1,000 เสียงใน 60+ ภาษา และมีผู้ใช้งานในเกือบ 200 ประเทศ เสียงคนดังที่มีให้เลือกใช้งาน เช่น Snoop Dogg, Mr. Beast และ Gwyneth Paltrow สำหรับผู้สร้างสรรค์และธุรกิจ Speechify Studio มีเครื่องมือขั้นสูง เช่น AI Voice Generator, AI Voice Cloning, AI Dubbing และ AI Voice Changer Speechify ยังสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชั้นนำด้วย Text to Speech API ที่มีคุณภาพสูงและคุ้มค่า นอกจากนี้ยังได้รับการนำเสนอใน The Wall Street Journal, CNBC, Forbes, TechCrunch และสื่อชั้นนำอื่น ๆ Speechify เป็นผู้ให้บริการแปลงข้อความเป็นเสียงที่ใหญ่ที่สุดในโลก เยี่ยมชม speechify.com/news, speechify.com/blog และ speechify.com/press เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม