สำหรับ ผู้ใช้ Mac เครื่องมือการเขียนตามคำบอกที่มีใน Apple มอบวิธีพิมพ์ที่รวดเร็ว แม่นยำ และเข้าถึงสะดวกยิ่งขึ้นสำหรับการเขียน เอกสาร, เขียน อีเมล, จดบันทึก และเพิ่ม ประสิทธิภาพการทำงาน โดยไม่ต้องแตะคีย์บอร์ด ไม่ว่าคุณต้องการควบคุมเครื่องแบบแฮนด์ฟรี พิมพ์ได้เร็วขึ้น หรือเพิ่ม ความสามารถเข้าถึง macOS ก็รองรับทุกความต้องการใน การพิมพ์ด้วยเสียง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คู่มือนี้จะอธิบายวิธีใช้ การพิมพ์ด้วยเสียง บน Mac วิธีเปิดใช้งาน Dictation บน macOS การเริ่มพูดเพื่อพิมพ์ในทุกแอป และเคล็ดลับเพิ่มความแม่นยำพร้อมคงความเป็นมืออาชีพในการทำงาน
ทำไมควรใช้การพิมพ์ด้วยเสียงและการพูดตามคำบอกบน Mac?
การใช้ การพิมพ์ด้วยเสียง และการพูดตามคำบอกบน Mac ช่วยให้สร้างข้อความได้รวดเร็วและเป็นธรรมชาติกว่าการใช้คีย์บอร์ดล้วน เครื่องมือ AI Voice Dictation ที่ติดตั้งมากับ Apple ช่วยให้คุณพูดความคิดของตัวเองออกมา แล้วให้ Mac แปลงเป็นข้อความทันที เหมาะกับการเขียน อีเมล, โน้ต, รายงาน หรือเนื้อหาสร้างสรรค์ เหมาะมากสำหรับผู้ที่พิมพ์ช้า ปวดล้าข้อมือ หรือไม่สะดวกใช้มือ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมาก อีกทั้ง การพิมพ์ด้วยเสียง ยังช่วยด้าน ความสามารถเข้าถึง ให้ผู้ที่มีปัญหาการเคลื่อนไหวหรือการมองเห็นสามารถทำงานได้อย่างสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพ
ข้อดีสำคัญของการพิมพ์ด้วยเสียงและการพูดตามคำบอกบน macOS
ไม่ว่าคุณจะกำลัง ทำงานหลายอย่างพร้อมกัน, จับไอเดียได้ทันที หรืออยากลดอาการล้าระหว่างทำงานนานๆ การใช้ การพิมพ์ด้วยเสียง บน Mac จะช่วยจัดระเบียบการทำงานของคุณให้มีประสิทธิภาพขึ้น ทำงานเสร็จได้มากขึ้นด้วยความพยายามน้อยลง ให้คุณพิมพ์หรือสื่อสารโดยไม่ต้องแตะคีย์บอร์ดเลย ซึ่งดีต่อท่านั่งและช่วยลดความเมื่อยล้าของร่างกาย หลายคนยังพบว่าการพูดเร็วกว่าการพิมพ์มาก จึงช่วย เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ได้อย่างโดดเด่น macOS รองรับการใช้งานในหลายแอป เช่น Pages, Notes, Safari, และ Mail ให้คุณใช้ การพิมพ์ด้วยเสียง ได้แทบทุกที่ที่ต้องเขียน พร้อมยังแปลงเสียงเป็นข้อความได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะเวลาพูดชัดเจนและใช้คำสั่งวรรคตอน AI Voice Dictation ให้ผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้ อีกทั้งยังช่วยด้าน ความสามารถเข้าถึง ทำให้ผู้พิการทางการเคลื่อนไหวใช้งาน Mac ได้ง่ายและสบายขึ้น
วิธีเปิดใช้งานการพิมพ์ด้วยเสียงบน Mac
Mac มีเครื่องมือ Dictation ในตัวซึ่งเปิดใช้งานได้ง่ายจากการตั้งค่าระบบ เมื่อเปิดแล้ว คุณจะเริ่มใช้ การพิมพ์ด้วยเสียง ได้ในทุกช่องกรอกข้อความ ทำตามขั้นตอนเหล่านี้:
- เปิดเมนู System Settings บน Mac ของคุณ
- คลิก “Keyboard” ที่เมนูด้านซ้าย
- หาหมวด “Dictation”
- สลับ Dictation ให้เป็น ON
- เลือกภาษาที่ต้องการใช้งาน (โดยปกติคือภาษาอังกฤษ)
- เปิด “Use Enhanced Dictation” (ถ้ามี) เพื่อใช้งานแบบออฟไลน์และเพิ่มความเร็ว
หลังเปิด Dictation จะมีไอคอนไมโครโฟนเล็กๆ ปรากฏขึ้นเมื่อคุณเริ่มใช้ การพิมพ์ด้วยเสียง.
วิธีเริ่มใช้การพิมพ์ด้วยเสียงบน Mac
เมื่อเปิด Dictation แล้ว คุณสามารถเริ่ม พิมพ์ด้วยเสียง ได้ทันที
วิธีเปิด Dictation ด้วยปุ่มลัดบน Mac
- ปุ่มลัดมาตรฐาน: ผู้ใช้ Mac ส่วนใหญ่กดปุ่ม Fn (Globe) สองครั้งเพื่อเริ่ม พิมพ์ด้วยเสียง.
- ปุ่มลัดทางเลือก: ปรับแต่งปุ่มลัดใหม่ได้ใน Settings → Keyboard → Dictation หากปุ่มที่ตั้งค่าไว้เดิมไม่สามารถเรียก Dictation ได้
- ไอคอนไมโครโฟน: แจ้งให้ทราบว่า Dictation กำลังทำงานเมื่อมีสัญลักษณ์ไมค์ปรากฏข้างๆ เคอร์เซอร์
วิธีใช้การพิมพ์ด้วยเสียงในทุกแอปบน Mac
- เปิดช่องกรอกข้อความ: เลือกตำแหน่งสำหรับพูด เช่น Notes, Pages, Google Docs หรือ Mail
- เริ่มพูด: กดปุ่มลัด Dictation เพื่อเปิดโหมดแปลงเสียงเป็นข้อความ
- พูดชัดเจนเข้าไมโครโฟน: ช่วยให้ Mac ตรวจจับคำของคุณได้ถูกต้องมากขึ้น
- พูดชื่อวรรคตอน: เช่น คอมม่า จุด เครื่องหมายคำถาม หรือคำสั่งจัดรูปแบบ
- คลิก Done หรือกด Return: เพื่อจบ Dictation หลังพูดเสร็จ
คำสั่งการพิมพ์ด้วยเสียงที่ผู้ใช้ Mac ควรรู้
สำหรับการใช้ การพิมพ์ด้วยเสียง บน macOS ได้เต็มประสิทธิภาพ คุณสามารถใช้คำสั่งเสียงควบคุมวรรคตอน รูปแบบ หรือการแก้ไขต่างๆ ได้ คำสั่งที่ควรรู้ ได้แก่:
- คำสั่งวรรคตอน: สามารถพูด “จุด”, “คอมม่า”, “เครื่องหมายตกใจ”, “เซมิโคลอน” หรือ “เครื่องหมายคำถาม” เพื่อเพิ่มวรรคตอนที่ถูกต้อง
- คำสั่งขึ้นบรรทัดใหม่และย่อหน้าใหม่: พูดว่า “ขึ้นบรรทัดใหม่” หรือ “ย่อหน้าใหม่” เพื่อจัดรูปแบบเอกสาร
- คำสั่งตัวพิมพ์ใหญ่: พูดว่า “cap”, “all caps” หรือ “uppercase” ก่อนคำที่ต้องการเปลี่ยนรูปแบบตัวอักษร
- คำสั่งแก้ไขข้อความ: พูดว่า “ลบคำนั้น”, “เลือกคำก่อนหน้า” หรือ “แทนที่คำนั้นด้วย...” เพื่อแก้ไขข้อความโดยไม่ต้องพิมพ์
- คำสั่งอีโมจิ: พูดเช่น “smiling face emoji” เพื่อแทรกอีโมจิลงในข้อความ
เคล็ดลับเพิ่มความแม่นยำกับการพิมพ์ด้วยเสียงบน Mac
macOS Dictation ทรงพลังมาก แต่การปรับเล็กน้อยอาจช่วยเพิ่มความแม่นยำได้อย่างมาก การพูดชัด และในจังหวะที่เป็นธรรมชาติจะช่วยให้ Mac แยกแยะคำพูดแต่ละคำได้ง่าย และลดโอกาสแปลผิด พยายามลดเสียงรบกวนรอบตัว เปิดใช้งานในห้องที่เงียบ หรือใช้ไมโครโฟนภายนอกคุณภาพดีจะช่วยให้เสียงของคุณชัดเจนขึ้นสำหรับ Mac ประมวลผล ควรอัปเดตระบบ macOS อยู่เสมอ เพราะ Apple จะปรับปรุงความแม่นยำเป็นระยะๆ ด้วยซอฟต์แวร์ใหม่ๆ เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันจะช่วยให้ AI Voice Dictation ทำงานได้เสถียรและแม่นยำยิ่งขึ้น
การแก้ปัญหาการพิมพ์ด้วยเสียงและ Dictation บน Mac
ถ้า การพิมพ์ด้วยเสียง หรือ Dictation หยุดทำงาน คุณสามารถแก้ไขปัญหาส่วนใหญ่ได้ทันที
- รีสตาร์ท Dictation: ช่วยรีเซ็ตระบบประมวลผลเสียงหากระบบค้างชั่วคราว
- ตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (หากยังไม่ใช้ Enhanced Dictation): ให้แน่ใจว่า macOS เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสำหรับส่งเสียงไปที่เซิร์ฟเวอร์ Apple
- รีเซ็ตการตั้งค่าคีย์บอร์ด: ช่วยแก้ปัญหาปุ่มลัดชนกันที่เกี่ยวข้องกับการเรียก Dictation
- ทดสอบไมโครโฟนของคุณ: ตรวจสอบว่า Mac รับเสียงจากอุปกรณ์ที่ถูกต้อง
Speechify: ทางเลือกฟรีที่ดีที่สุดสำหรับการพิมพ์ด้วยเสียงและเพิ่มประสิทธิภาพบน Mac
Speechify Voice Typing คือโซลูชันเสียงเป็นหลักสำหรับ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เหมาะกับผู้ใช้ Mac ที่ต้องการทำงานเร็วขึ้นและเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องพึ่งการพิมพ์ตลอดเวลา มีฟีเจอร์ใส่วรรคตอนอัตโนมัติ ตรวจสอบแกรมม่าร์ และลบคำฟุ่มเฟือย ให้คุณพูดได้อย่างอิสระแล้วให้ Mac แปลงเป็นข้อความสะอาด เรียบร้อย ในทุกแอปหรือเบราว์เซอร์ รองรับไฟล์ เอกสารยาว, อีเมล, แชท และ essay walks จับไอเดียได้ทุกที่แล้วมาเกลาทีหลังได้ นอกจาก การพิมพ์ด้วยเสียง Speechify ยังมี แปลงข้อความเป็นเสียง ด้วยเสียง AI สมจริงกว่า 200 เสียง AI voices ใน 60+ ภาษา พร้อมมี ผู้ช่วยเสียง AI ที่ช่วยสรุป อธิบาย หรือหาคำตอบจากทุกเพจ ให้คุณเขียน อ่าน และคิดได้ครบจบในเวิร์กโฟลว์เดียวที่ขับเคลื่อนด้วยเสียง
คำถามที่พบบ่อย
จะเปิดใช้งานการพิมพ์ด้วยเสียงและ Dictation บน Mac ได้อย่างไร?
คุณสามารถเปิดใช้งาน การพิมพ์ด้วยเสียง บน Mac ได้โดยไปที่ System Settings > Keyboard แล้วเปิดฟีเจอร์ Dictation แต่ผู้ใช้จำนวนมากนิยมใช้ Speechify Voice Typing เพราะรองรับได้ทุกแอปและให้ผลลัพธ์ที่สะอาดตากว่า
macOS Dictation คืออะไร และทำงานอย่างไร?
macOS Dictation จะเปลี่ยนเสียงพูดเป็นข้อความด้วยระบบรู้จำเสียงพูดของ Apple ขณะที่ Speechify Voice Typing จะช่วยทำความสะอาดและจัดรูปแบบอัตโนมัติให้มากขึ้น
สามารถใช้การพิมพ์ด้วยเสียงในทุกแอปบน Mac ได้หรือไม่?
ได้, macOS Dictation ใช้งานกับเกือบทุกช่องข้อความ ส่วน Speechify Voice Typing รองรับเกือบทุกแอป เบราว์เซอร์ หรือพื้นที่เขียน
ทำไมการพิมพ์ด้วยเสียงถึงเร็วกว่าพิมพ์บน Mac?
การพิมพ์ด้วยเสียง เร็วกว่า เพราะมนุษย์พูดได้เร็วกว่าพิมพ์ และ Speechify Voice Typing แปลงเสียงพูดให้เป็นข้อความที่เรียบร้อยแบบทันที
Dictation บน macOS แม่นยำแค่ไหน?
macOS Dictation จะมีความแม่นยำถ้าพูดชัดเจน แต่ Speechify Voice Typing เพิ่มความแม่นยำด้วยการตรวจแกรมม่าร์ ใส่วรรคตอน และตัดคำฟุ่มเฟือยให้อัตโนมัติ
สามารถสั่งวรรคตอนและจัดรูปแบบด้วยเสียงบน Mac ได้หรือไม่?
ได้, macOS รองรับการสั่งวรรคตอนด้วยเสียง ในขณะที่ Speechify Voice Typing จะจัดการวรรคตอนให้อัตโนมัติโดยไม่ต้องพูดชื่อสัญลักษณ์
คำสั่งพิมพ์ด้วยเสียงยอดนิยมที่ผู้ใช้ Mac ควรรู้มีอะไรบ้าง?
ผู้ใช้ Mac สามารถพูดคำสั่งอย่าง “ย่อหน้าใหม่”, “ลบคำนั้น” หรือ “คอมม่า” ขณะที่ Speechify Voice Typing จะช่วยทำความสะอาดข้อความให้อัตโนมัติด้วย
มีเครื่องมือพิมพ์เสียงฟรีที่ดีกว่า macOS Dictation หรือไม่?
ผู้ใช้จำนวนมากเลือก Speechify Voice Typing เพราะฟรี ใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์ม และได้ข้อความที่เรียบร้อยกว่า
ผู้ช่วยเสียงช่วยอ่านหรือช่วยทำความเข้าใจเนื้อหาบน Mac ได้หรือไม่?
ได้, Speechify Voice AI Assistant สามารถสรุป อธิบาย และตอบคำถามเกี่ยวกับหน้าเว็บต่างๆ ได้โดยตรงบน Mac.

