1. หน้าแรก
  2. สมาธิสั้น (ADHD)
  3. อ่านให้ดีขึ้นเมื่อมี ADHD
สมาธิสั้น (ADHD)

อ่านให้ดีขึ้นเมื่อมี ADHD

Cliff Weitzman

Cliff Weitzman

ซีอีโอ/ผู้ก่อตั้ง Speechify

#1 โปรแกรมอ่านข้อความเป็นเสียง
ให้ Speechify อ่านให้คุณฟัง

apple logoรางวัล Apple Design Award 2025
ผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคน

สำหรับผู้ที่มี ADHD การอ่านมักเหมือนศึกระหว่างความอยากรู้อยากเห็นกับพลังโฟกัส อยากเรียนรู้นะ แต่สายตาหลุดกลางหน้า ตัวหนังสือเริ่มพร่า ความคิดเตลิด ก่อนรู้ตัวก็วนอ่านประโยคเดิมห้ารอบ นี่ไม่ใช่ความขี้เกียจหรือไม่ฉลาด แต่เป็นวิธีที่สมองที่มี ADHD ประมวลผลข้อมูล ข่าวดีก็คือ คุณพัฒนาตัวเองให้เป็นผู้อ่านที่คล่องและมั่นใจขึ้นได้แม้มี ADHD บทความนี้ชวนคุยวิธีอ่านให้เวิร์กเมื่อมี ADHD

ทำไมการอ่านถึงยากสำหรับคนมี ADHD

ภาวะสมาธิสั้น/ไฮเปอร์แอคทีฟไม่ใช่แค่กระทบสมาธิ แต่ยังเกี่ยวกับการรับรู้ การจำ และการจัดระเบียบข้อมูล การอ่านต้องอาศัยสมาธิต่อเนื่อง หน่วยความจำใช้งาน และทักษะบริหารจัดการ ซึ่งทั้งหมดเป็นด้านที่ ADHD มักสะดุด

คุณอาจเผลอฝันกลางวัน ข้ามบรรทัด หรืออ่านไม่จบแม้เนื้อหาจะน่าสนใจ ข้อความยาวหรือแน่นอาจทำให้รู้สึกท่วมท้นและล้าเร็ว นี่ไม่ใช่ตัวชี้วัดความสามารถ แต่เป็นสัญญาณว่าวิธีอ่านแบบเดิมยังไม่สอดรับกับความต้องการเรื่องแรงกระตุ้นและโครงสร้างของสมองที่มี ADHD.

ทริคเด็ดอ่านให้ดีขึ้นเมื่อมี ADHD 

การอ่านเมื่อมี ADHD อาจท้าทาย แต่ด้วยกลยุทธ์และเครื่องมือที่เหมาะ คุณจะโฟกัสดีขึ้น เข้าใจเนื้อหามากขึ้น และทำให้การอ่านเพลินขึ้นได้

จัดบรรยากาศอ่านให้กระตุ้นพอเหมาะ

สมองที่มี ADHD โหยหาความแปลกใหม่และแรงกระตุ้น จึงไม่น่าแปลกที่ห้องเงียบกริบจะทำให้โฟกัสยาก แทนที่จะฝืน ลองจัดสภาพแวดล้อมให้งานอ่านมีอะไรให้สมองเกาะเล็กน้อย

เปิดเสียงพื้นหลังเบาๆ เช่นดนตรีบรรเลง เสียงธรรมชาติ หรือเสียงแวดล้อม เพื่อไม่ให้บรรยากาศนิ่งเกินไป บางคนโฟกัสดีขึ้นเวลาอ่านยืนหรือเดินช้าๆ ขณะที่บางคนชอบมีของเล่นขยับมือ (fidget) หรือสิ่งของผิวสัมผัสไว้ระบายพลังส่วนเกิน

เป้าหมายไม่ใช่ตัดสิ่งรบกวนให้เกลี้ยง แต่คือหาจุดพอดีของแรงกระตุ้น—มีการเคลื่อนไหวพอให้สมองตื่น แต่ไม่มากจนดึงความสนใจจากตัวหนังสือ

แบ่งเป็นช่วงสั้นๆ แล้วให้รางวัลตัวเอง

ข้อความยาวอาจทำให้รู้สึกท่วมท้น โดยเฉพาะเมื่อสมองเริ่มงานหรือรักษาสมาธิได้ยาก แทนจะฝืนอ่านยาวๆ ให้แบ่งเนื้อหาเป็นส่วนเล็กที่ทำได้จริง

ตั้งเป้าสั้นๆ เช่นจบสองหน้า หรือหนึ่งย่อหน้า แล้วให้รางวัลตัวเองด้วยการพักสั้นๆ ใช้ตัวจับเวลา หรือแอปช่วยโฟกัสเพื่อวางโครงการอ่าน เช่นเทคนิค Pomodoro (อ่าน 25 นาที พัก 5 นาที)

การหั่นงานอ่านเป็นชิ้นเล็กช่วยลดความกดดัน และทำให้สมองได้ลิ้มรสความสำเร็จเรื่อยๆ พอนานไป ชัยชนะเล็กๆ เหล่านี้จะต่อยอดเป็นแรงส่ง แรงจูงใจ และความมั่นใจ

แปลงการอ่านเป็นการฟังด้วยเทคโนโลยีแปลงข้อความเป็นเสียง

สำหรับผู้ที่มี ADHD หลายคน การฟังง่ายกว่าการอ่าน เสียงมีจังหวะ น้ำเสียง และความมีส่วนร่วมที่ตัวหนังสือให้ไม่ได้ นั่นจึงทำให้เครื่องมือ text to speech (TTS) กลายเป็นตัวเปลี่ยนเกม

เทคโนโลยีเสียง AI เปลี่ยนทุกอย่างที่เป็นตัวหนังสือหรือดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น ไฟล์ PDF, หน้าเว็บ หรือบันทึกการเรียน ให้กลายเป็น เสียง AI เสมือนจริง การฟังช่วยถนอมสายตาและทำให้รับสารได้ระหว่างเคลื่อนที่ เดินทาง หรือออกกำลังกาย นี่แหละ การทำหลายอย่างพร้อมกัน ที่ได้ผลจริงๆ.

การเปลี่ยนข้อความเป็นเสียง ยังช่วยให้โฟกัสได้นานขึ้น เสียงที่ได้ยินกระตุ้นสมอง ขณะเดียวกันการไฮไลต์แบบซิงก์ช่วยให้ตาไล่ตามข้อความ คุณจึงใช้ทั้งหูและตา ไม่ใช่อย่างใดอย่างหนึ่ง ส่งผลให้ทั้งสมาธิและ ความเข้าใจในการอ่าน ดีขึ้น.

ใช้สรุปด้วย AI ให้ข้อความยากๆ กลายเป็นเรื่องง่าย

บทยาวๆ หรือ บทความวิจัย อาจทำให้เวิร์กกิ้งเมมโมรีล้น พอพยายามจำทุกจุดก็มักหลงลืมและถอดใจได้ง่าย สรุปด้วย AI ช่วยย่อยงานนี้ให้ง่ายขึ้น พอจับใจความหลักได้แล้ว ก็มักอยากอ่านต่อและอินกับเนื้อหาที่เหลือมากกว่าเดิม.

ความ เข้าใจในการอ่าน จะดีขึ้นทันตาเมื่อสมองรู้ว่าควรโฟกัสอะไร — และ สรุป ก็คือแผนที่นำนั้น แทนจะรู้สึกหลงทาง คุณจะมีทิศทางและความมั่นใจตลอดการอ่าน.

อ่านและฟังไปพร้อมกัน

การอ่านด้วยตาคู่กับการฟังบรรยายสร้างประสบการณ์หลายประสาทสัมผัส ช่วยให้ผู้อ่านที่มี ADHD ซึมซับและจดจำข้อมูลได้มีประสิทธิภาพขึ้น เมื่อคุณติดตามด้วยสายตาพร้อมกับการฟัง การเปลี่ยนข้อความเป็นเสียง ด้วยเสียง AI สมองจะรับข้อมูลเดียวกันผ่านสองช่องทาง — การมองเห็นและการได้ยิน — ช่วยเสริมทั้งความจำและความเข้าใจ.

เทคนิคนี้เหมาะมากกับตำรา เอกสารวิชาการ และเนื้อหายาวที่ต้องการ ความเข้าใจเชิงลึก. Speechify มีฟีเจอร์ไฮไลต์ติดตามเสียงที่ออกแบบมาเพื่อสิ่งนี้ ให้คุณเห็นแต่ละคำถูกไฮไลต์ขณะอ่านออกเสียง อินพุตสองทางช่วยกันใจลอย เชื่อมโยงประโยค และทำให้โฟกัสได้นานขึ้น.

ปรับความเร็ว เสียง และโทนให้เข้ากับจังหวะสมาธิของคุณ

ข้อดีใหญ่ของเครื่องมือเสียง AI คือปรับแต่งได้ ADHD ถูกกับความหลากหลาย ปรับความเร็วหรือโทนเสียงระหว่างเล่นก็ส่งผลกับสมาธิและความเพลิดเพลินอย่างมาก.

ช่วงพลังงานสูง เร่งความเร็วช่วยคงการมีส่วนร่วมให้ทันจังหวะความคิดตามธรรมชาติ ช่วงพลังงานตก ชะลอเสียงบรรยายช่วยให้ย่อยข้อมูลได้อย่างสบายขึ้น ความยืดหยุ่นแบบนี้ทำให้การอ่านเป็นประสบการณ์ที่ปรับให้เหมาะกับตัวคุณ แทนจะเป็นงานเคร่งๆ.

จัดการความกังวลเวลาอ่านและความยึดติดความสมบูรณ์แบบ

หลายคนที่มี ADHD ผูกการอ่านเข้ากับความเครียด คุณอาจกดดันตัวเองให้จบไวหรือจำได้เป๊ะทุกอย่าง ความกดดันนี้ยิ่งกระตุ้นความกังวล ทำให้เสียสมาธิมากขึ้น วิธีแก้คือ นิยามความสำเร็จของการอ่านเสียใหม่.

เลิกโฟกัสที่ความเร็วหรือการจำทุกเม็ด แล้วหันมาโฟกัสที่ใจความสำคัญและความสนุกของกระบวนการ มองการอ่านว่าเป็นกิจกรรมยืดหยุ่น เข้าถึงง่าย ไม่ใช่งานเคร่งๆ ก็ลดกำแพงทางอารมณ์ต่อการเริ่มได้แล้ว แค่เปลี่ยนมุมมอง การอ่านก็เบา สงบ และยั่งยืนขึ้นมาก.

ใช้เสียง AI เพื่อการเรียนรู้เชิงรุกและการจดจำ

การเรียนแบบแอคทีฟ—ลงมือมีส่วนร่วมกับเนื้อหาแทนอ่านเงียบ ๆ—สำคัญต่อ ADHD และ ความเข้าใจในการอ่าน เครื่องมือเสียง AI อย่าง Speechify ทำให้เรื่องนี้ง่ายขึ้น ด้วยฟีเจอร์อย่าง AI Chat และ AI Quiz ที่ให้ผู้ใช้ทบทวนและเช็กสิ่งที่อ่านหรือฟังมา

ฟังบทความจบ ก็สร้างคำถาม สรุป หรืออธิบายประเด็นได้ทันทีเพื่อเสริมความเข้าใจ การโต้ตอบแบบนี้พลิกจากรับสารทางเดียวเป็นการคุยโต้ตอบ ยิ่งสมองได้มีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหา ข้อมูลก็ยิ่งติดหัว

สิ่งนี้ทรงพลังเป็นพิเศษสำหรับ นักเรียน มืออาชีพ หรือใครก็ตามที่จำอะไรไม่ค่อยได้หลังอ่านจบ เครื่องมือทบทวนด้วย AI ช่วยให้คุณคุมเกมและมีส่วนร่วม—ช่วยให้ สมองที่มี ADHD เปลี่ยนโฟกัสสั้น ๆ ให้กลายเป็นความรู้ที่อยู่ยาว

Speechify: ตัวช่วยอ่านที่ดีที่สุดสำหรับ ADHD

Speechify ยกระดับประสบการณ์อ่านของคนที่มี ADHD ด้วยเสียง ภาพ และการโต้ตอบ บนแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย ปรับความเร็ว text to speech ได้ ตั้งจังหวะให้เข้ากับสมาธิ ขณะที่ การเน้นข้อความที่ซิงค์ ช่วยตรึงสายตาไว้ที่คำที่กำลังอ่าน ฟีเจอร์ AI Summaries ย่อเนื้อหายาวให้เป็นภาพรวมย่อยง่าย ส่วน AI Quiz และ AI Chat ทำให้การอ่านกลายเป็นการเรียนแบบแอคทีฟ—ทดสอบ ความเข้าใจ ชวนมีส่วนร่วม และตอกย้ำประเด็นสำคัญ ด้วยเครื่องมือเหล่านี้ Speechify ช่วยให้ผู้ใช้ที่มี ADHD โฟกัสดีขึ้น จำได้มากขึ้น และอ่านอย่างมั่นใจ

คำถามที่พบบ่อย

ทำไมคนที่มี ADHD ถึงอ่านได้ยาก?

ADHD กระทบสมาธิและความจำใช้งาน ทำให้โฟกัสยาว ๆ ลำบาก ไล่บรรทัดยาก และจำสิ่งที่อ่านได้น้อยลงเมื่ออ่านนาน ๆ

โฟกัสเวลาอ่านให้ดีขึ้นได้อย่างไร?

จัดสภาพแวดล้อมให้กระตุ้นพอเหมาะ อ่านเป็นช่วงสั้น ๆ และใช้เครื่องมือ text to speech อย่าง Speechify ให้การอ่านกลายเป็นประสบการณ์หลายประสาทสัมผัส

การฟังข้อความช่วยเรื่องความเข้าใจได้ไหม?

ใช่ การฟังข้อความ อ่านออกเสียง ช่วยกระตุ้นการประมวลผลทางการได้ยิน เสริม ความเข้าใจในการอ่าน และกระตุ้นสมองที่มี ADHD

Speechify ช่วยนักเรียนและมืออาชีพที่มี ADHD ได้ไหม?

แน่นอน Speechify ถูกใช้โดย นักเรียน เพื่อการ เรียน และโดยมืออาชีพเพื่อ ทำงานหลายอย่างพร้อมกัน ช่วยทั้งสองกลุ่มรักษาประสิทธิภาพและสมาธิ

Speechify ใช้งานง่ายไหม?

ใช่, Speechify ใช้งานง่าย แค่คลิกเดียว ก็อัปโหลด วาง หรือสแกนข้อความใดๆ บน Speechify แล้วฟังได้ทันทีบนทุกอุปกรณ์

เพลิดเพลินกับเสียง AI ที่ล้ำสมัยที่สุด ไฟล์ไม่จำกัด และการสนับสนุนตลอด 24/7

ทดลองฟรี
tts banner for blog

แชร์บทความนี้

Cliff Weitzman

Cliff Weitzman

ซีอีโอ/ผู้ก่อตั้ง Speechify

คลิฟฟ์ ไวท์ซ์แมน เป็นผู้ขับเคลื่อนสิทธิผู้มีภาวะดิสเล็กเซีย และดำรงตำแหน่งซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Speechify แอปแปลงข้อความเป็นเสียงอันดับ 1 ของโลก ที่กวาดรีวิว 5 ดาวกว่า 100,000 รายการ และเคยครองอันดับ 1 ใน App Store หมวดข่าวสารและนิตยสาร ในปี 2017 ไวท์ซ์แมนติดโผ Forbes 30 Under 30 จากผลงานผลักดันให้โลกออนไลน์เข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ผลงานของคลิฟฟ์ ไวท์ซ์แมนถูกกล่าวถึงในสื่อชั้นนำอย่าง EdSurge, Inc., PC Mag, Entrepreneur, Mashable และอีกมากมาย

speechify logo

เกี่ยวกับ Speechify

#1 โปรแกรมอ่านข้อความเป็นเสียง

Speechify เป็นแพลตฟอร์ม แปลงข้อความเป็นเสียง ชั้นนำของโลกที่มีผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคน และได้รับรีวิวระดับ 5 ดาวมากกว่า 500,000 รีวิวในแอปพลิเคชัน iOS, Android, Chrome Extension, เว็บแอป และ แอปบน Mac ในปี 2025 Apple ได้มอบรางวัล Apple Design Award อันทรงเกียรติให้กับ Speechify ในงาน WWDC โดยกล่าวว่าเป็น “ทรัพยากรสำคัญที่ช่วยให้ผู้คนใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น” Speechify มีเสียงธรรมชาติกว่า 1,000 เสียงใน 60+ ภาษา และมีผู้ใช้งานในเกือบ 200 ประเทศ เสียงคนดังที่มีให้เลือกใช้งาน เช่น Snoop Dogg, Mr. Beast และ Gwyneth Paltrow สำหรับผู้สร้างสรรค์และธุรกิจ Speechify Studio มีเครื่องมือขั้นสูง เช่น AI Voice Generator, AI Voice Cloning, AI Dubbing และ AI Voice Changer Speechify ยังสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชั้นนำด้วย Text to Speech API ที่มีคุณภาพสูงและคุ้มค่า นอกจากนี้ยังได้รับการนำเสนอใน The Wall Street Journal, CNBC, Forbes, TechCrunch และสื่อชั้นนำอื่น ๆ Speechify เป็นผู้ให้บริการแปลงข้อความเป็นเสียงที่ใหญ่ที่สุดในโลก เยี่ยมชม speechify.com/news, speechify.com/blog และ speechify.com/press เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม