1. หน้าแรก
  2. ดิสเล็กเซีย
  3. การเรียนรู้สำหรับผู้ที่มีภาวะดิสเล็กเซีย
ดิสเล็กเซีย

การเรียนรู้สำหรับผู้ที่มีภาวะดิสเล็กเซีย

Cliff Weitzman

Cliff Weitzman

ซีอีโอ/ผู้ก่อตั้ง Speechify

#1 โปรแกรมอ่านข้อความเป็นเสียง
ให้ Speechify อ่านให้คุณฟัง

apple logoรางวัล Apple Design Award 2025
ผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคน

สำหรับผู้คนจำนวนมากที่มี dyslexia การเรียนในโรงเรียนและ การเรียน อาจรู้สึกเหมือนต้องปีนเขาไม่มีที่สิ้นสุด การอ่านใช้เวลานาน คำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรทำให้รู้สึกท่วมท้น และการจดจ่อกับข้อความหนาแน่นต้องใช้ความพยายามมากขึ้น แต่ dyslexia ไม่ใช่เรื่องของสติปัญญาหรือความสามารถ แต่หมายถึงสมองเรียนรู้ต่างออกไป เมื่อใช้แนวทางที่เหมาะสม ผู้ที่มี dyslexia ก็เรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่แพ้ใคร ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการเรียนรู้เมื่อมี dyslexia

การทำความเข้าใจดิสเล็กเซียและผลกระทบต่อการเรียนรู้

Dyslexia เป็นความแตกต่างทางระบบประสาทที่มีผลต่อการประมวลผลภาษาที่เขียนเป็นหลัก การอ่าน การสะกดคำ และการเขียนอาจยากขึ้น แต่การใช้เหตุผลทางวาจา ความคิดสร้างสรรค์ และการคิดเชิงภาพมักเป็นจุดแข็ง

อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นเมื่อสภาพแวดล้อมการเรียนพึ่งพาการอ่านและการท่องจำมากเกินไป วิธีการแบบดั้งเดิมที่ต้องอาศัยการอ่านถอดรหัสด้วยตาก็มักนำไปสู่ความเหนื่อยล้าหรือความหงุดหงิด แต่เมื่อการเรียนรวมหลายประสาทสัมผัสเข้าด้วยกัน เช่น ฟัง ดู สัมผัส และลงมือทำ ข้อมูลจะเข้าใจและจำได้ง่ายขึ้นมาก

เคล็ดลับสำคัญในการเรียนรู้สำหรับผู้มีดิสเล็กเซีย 

การเรียนรู้เมื่อมี dyslexia อาจท้าทาย แต่ด้วยเทคนิค เครื่องมือ และมุมมองที่เหมาะสม นักเรียน สามารถสร้างนิสัยการเรียนที่ดีและประสบความสำเร็จทางการศึกษาได้

ยอมรับการเรียนรู้แบบหลายประสาทสัมผัส

ผู้เรียนที่มีดิสเล็กเซียได้ประโยชน์มากเมื่อใช้งานประสาทสัมผัสมากกว่าหนึ่งอย่างพร้อมกัน ซึ่งอาจหมายถึงการจับคู่คำอธิบายด้วยวาจากับภาพ ใช้โน้ตสีต่าง ๆ หรือเขียนคำพร้อม ๆ กับการพูดออกเสียง

ตัวอย่างเช่น การลากนิ้วตามคำศัพท์ใหม่ขณะได้ยินการออกเสียงช่วยเชื่อมโยงรูปลักษณ์ เสียง และความรู้สึกของคำ วิดีโอการศึกษา audiobooks และกิจกรรมลงมือทำเป็นวิธีที่ดีในการเสริม ความเข้าใจ โดยไม่ต้องพึ่งพาข้อความเพียงอย่างเดียว แอปอ่านออกเสียงจากข้อความเป็นคำพูด text to speech ก็ช่วยโดยเปลี่ยนข้อความเป็นเสียงให้คุณฟังขณะตามด้วยสายตา วิธีนี้ลดภาระทางความคิดและทำให้ การเรียน มีส่วนร่วมมากขึ้น

แบ่งข้อมูลเป็นส่วนย่อย

หนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้ผลที่สุดสำหรับการเรียนรู้กับ dyslexia คือการแบ่งข้อมูลเป็นส่วนเล็ก ๆ ที่จัดการได้ แทนที่จะไล่อ่านข้อความยาว ๆ ให้โฟกัสทีละช่วงสั้น ๆ และหยุดบ่อย ๆ เพื่อสรุปสิ่งที่เรียนรู้

การใช้เครื่องมือจัดระเบียบภาพ เช่น แผนผังความคิดหรือแฟลชการ์ดก็ช่วยได้เช่นกัน เมื่อข้อมูลถูกจัดกลุ่มเป็นหมวดย่อย ๆ หรือเชื่อมโยงกันด้วยภาพ สมองจะจำได้ง่ายขึ้น ช่วงการเรียนที่สั้นและมีจุดโฟกัส (ประมาณ 20–25 นาที) พร้อมพักระหว่าง จะได้ผลกว่าการอ่านต่อเนื่องยาว ๆ

ใช้เครื่องมือเชิงภาพเพื่อการจดจำที่ดีขึ้น

ผู้เรียนจำนวนมากที่มีดิสเล็กเซียคิดเชิงภาพได้ดี ลองแปลงแนวคิดเป็นภาพ แผนภูมิ หรือไดอะแกรม ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลัง ศึกษา ประวัติศาสตร์ ให้วาดเส้นเวลาง่าย ๆ หากเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ ให้ร่างกระบวนการแทนการท่องจำขั้นตอน

การเรียนแบบเห็นภาพยิ่งได้ผลเมื่อใช้สีช่วย เน้นจุดสำคัญ ใช้โน้ตสีต่างกันสำหรับแต่ละวิชา หรือวาดสัญลักษณ์ข้างคำที่ยากเพื่อให้จำได้ง่ายขึ้น เมื่อทำให้การเรียนเป็นภาพและมีปฏิสัมพันธ์ แนวคิดที่เป็นนามธรรมจะกลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้และจดจำได้ง่ายขึ้นมาก

โฟกัสที่จุดแข็ง มากกว่าปัญหา

Dyslexia อาจทำให้งานทางวิชาการบางเรื่องยากขึ้น แต่ก็มีจุดแข็งโดยธรรมชาติ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ ความเห็นอกเห็นใจ นวัตกรรม และการคิดเชิงภาพรวม หลายคนที่มี dyslexia โดดเด่นด้านการออกแบบ เทคโนโลยี การเป็นผู้ประกอบการ และการเล่าเรื่อง เพราะมองปัญหาในมุมใหม่ ๆ

ยิ่งใช้จุดแข็งเหล่านั้น ยิ่งมั่นใจ และทำให้การเรียนรู้คุ้มค่ายิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้าอ่านแล้วล้า ให้โฟกัสทำความเข้าใจแนวคิดผ่านสารคดี พอดแคสต์ หรือการคุยเป็นกลุ่ม ความรู้ไม่จำกัดแค่ตัวหนังสือ—รับได้หลายทาง

ฝึกเรียนแบบมีส่วนร่วม

การเรียนรู้เชิงมีส่วนร่วมคือการโต้ตอบกับเนื้อหา ไม่ใช่อ่านหรือฟังผ่าน ๆ ถามคำถาม สรุปออกเสียง หรืออธิบายสิ่งที่เรียนให้คนอื่นฟัง การสอนให้คนอื่นฟังคือหนึ่งในวิธีจำที่ได้ผลสุด

คุณยังสามารถลองทำ แบบทดสอบ ให้ตัวเอง หรือใช้แอปที่ช่วยเรื่อง ความเข้าใจ และการทบทวน บางคนอัดเสียงอ่านใจความ แล้วเปิดทวนภายหลัง เป็นวิธีที่ผสานทั้งฟังและพูดเข้าด้วยกัน

การมีส่วนร่วมแบบนี้ช่วยกระตุ้นสมอง และสร้างสายใยความจำให้แน่นขึ้น

สร้างสภาพแวดล้อมการเรียนที่เข้ากับคุณ

แต่ละคนเรียนได้ดีที่สุดในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน บางคนที่มี dyslexia โฟกัสดีขึ้นเมื่อมีเพลงคลอหรือได้ยืดเส้นยืดสาย ขณะที่บางคนต้องการความเงียบและกรอบที่ชัด ลองปรับไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจอสิ่งที่ช่วยให้คุณจดจ่อ

จัดที่ทำงานให้สว่าง ลดสิ่งรบกวน วางของจำเป็นให้อยู่ใกล้มือ ถ้าใช้เครื่องมือดิจิทัล ลองปรับขนาดฟอนต์ คอนทราสต์ หรือระยะห่างอักษรให้สบายตา เมื่อสภาพแวดล้อมหนุนสมาธิ การเรียนจะเครียดน้อยลงและไหลลื่นขึ้น

ขอความช่วยเหลือหรือการผ่อนปรนเมื่อจำเป็น

ไม่ว่าจะเป็นในโรงเรียนหรือที่ทำงาน การผ่อนปรนมีไว้เพื่อให้การเรียนเข้าถึงได้—ไม่ใช่เพื่อได้เปรียบอย่างไม่เป็นธรรม การเพิ่มเวลาสอบ การเข้าถึง หนังสือเสียง หรือซอฟต์แวร์จดบันทึก ช่วยชดเชยช่องว่างได้

หลายโรงเรียนและนายจ้างยอมรับว่า dyslexia เป็นความแตกต่างทางการเรียนรู้ และสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีช่วย เช่น พูดเป็นข้อความ โปรแกรมอ่านหน้าจอ และ text to speech เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้คุณแสดงศักยภาพได้เต็มที่ โดยไม่ติดอุปสรรคที่ไม่จำเป็น หากคุณเป็นนักเรียน ลองคุยกับครู ที่ปรึกษา หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนรู้เกี่ยวกับการสนับสนุนที่มีอยู่

ใจเย็นกับจังหวะของตัวเอง

การเรียนรู้เมื่อมี dyslexia ต้องใช้เวลา แต่จะค่อย ๆ ก้าวหน้าเมื่อทำสม่ำเสมอ โฟกัสที่การพัฒนา ไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบ ฉลองชัยเล็ก ๆ—อ่านจบหนึ่งเล่ม จำคำใหม่ หรือทำโปรเจกต์ด้วยตัวเองสำเร็จ

การเอาตัวเองไปเทียบคนอื่นยิ่งเพิ่มความกดดัน เส้นทางการเรียนรู้ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และจังหวะของคุณไม่ได้กำหนดความฉลาด สิ่งสำคัญคือการหากลยุทธ์ที่ช่วยให้ คุณ เข้าใจและเติบโต

ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วย

เทคโนโลยีช่วยให้การเรียนง่ายขึ้น แต่ได้ผลสุดเมื่อใช้แบบมีเป้าหมาย เครื่องมืออย่าง Speechify, หนังสือเสียง และแอปการศึกษา ช่วยเรื่องการอ่านและ ความเข้าใจ โดยเฉพาะเมื่อผสมกับวิธีการเรียนอื่น ๆ

ใช้เครื่องมือเหล่านี้เพื่อเสริมการเรียน ไม่ใช่แทนที่ ตัวอย่างเช่น ฟังหนึ่งบทด้วย Speechify แล้วคุยหรือสรุปสิ่งที่ได้ฟัง การเอาเครื่องมือมารวมกับกิจวัตรการเรียนแบบมีส่วนร่วม จะดึงประโยชน์ได้สูงสุด

การใช้ Speechify เพื่อเสริมการเรียนรู้สำหรับผู้มีภาวะดิสเล็กเซีย 

Speechify ช่วยให้การอ่านเข้าถึงง่ายขึ้นและลดความเครียดสำหรับผู้เรียนที่มี ดิสเล็กเซีย ด้วยการแปลงข้อความเป็น เสียง AI , Speechify ให้ผู้ใช้ฟังไป อ่านตามไป เสริม ความเข้าใจ ด้วยการได้ยินและการมองเห็นควบคู่กัน ไฮไลต์ที่ซิงค์กันช่วยให้จดจ่อกับแต่ละคำ เสริมทักษะการถอดรหัสและ การจดจำ ให้ดียิ่งขึ้น การปรับความเร็วช่วยให้ผู้ใช้ตั้งจังหวะตามสบาย ขณะเดียวกันฟีเจอร์อย่าง AI Summaries, AI Chat และ AI Quiz ช่วยย่อยเนื้อหายาวๆ ให้เป็นประสบการณ์การเรียนรู้แบบโต้ตอบได้ 

คำถามที่พบบ่อย

ผู้ที่มีดิสเล็กเซียจะเรียนรู้ได้ดีเท่าคนอื่นไหม?

ได้ หากมีวิธีและเครื่องมือที่เหมาะ ผู้ที่มี ดิสเล็กเซีย ก็สามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่แพ้ผู้อื่น 

กลยุทธ์การเรียนรู้ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่มีดิสเล็กเซียมีอะไรบ้าง?

การเรียนรู้แบบหลายประสาทสัมผัส ช่วงเรียนสั้นๆ สื่อช่วยด้านภาพ และการฟังด้วยแอป text to speech เช่น Speechify ช่วยเพิ่มทั้งความเข้าใจและการจดจำ

ฟอนต์ที่เป็นมิตรกับดิสเล็กเซียช่วยได้จริงหรือ?

ช่วยได้ ฟอนต์อย่าง OpenDyslexic หรือ Lexend ทำให้ตัวอักษรชัดขึ้น ลดความล้าทางสายตา อ่านสบายขึ้น และช่วยเรื่อง ความเข้าใจได้

มีแอปที่สนับสนุนการเรียนรู้สำหรับผู้ที่มีดิสเล็กเซียไหม?

มี เครื่องมือต่างๆ เช่น Speechify, Grammarly และ Ghotit ที่ช่วยเรื่องการอ่าน การเขียน และการจัดการ เสริมความเป็นอิสระในการเรียนรู้

ผู้ใหญ่ที่มีดิสเล็กเซียจะพัฒนาทักษะการเรียนรู้ได้ไหม?

ได้แน่นอน ดิสเล็กเซีย ไม่หายไป แต่ผู้ใหญ่สามารถพัฒนากลยุทธ์ใหม่ๆ และใช้เทคโนโลยีเพื่อเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

เพลิดเพลินกับเสียง AI ที่ล้ำสมัยที่สุด ไฟล์ไม่จำกัด และการสนับสนุนตลอด 24/7

ทดลองฟรี
tts banner for blog

แชร์บทความนี้

Cliff Weitzman

Cliff Weitzman

ซีอีโอ/ผู้ก่อตั้ง Speechify

คลิฟฟ์ ไวท์ซ์แมน เป็นผู้ขับเคลื่อนสิทธิผู้มีภาวะดิสเล็กเซีย และดำรงตำแหน่งซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Speechify แอปแปลงข้อความเป็นเสียงอันดับ 1 ของโลก ที่กวาดรีวิว 5 ดาวกว่า 100,000 รายการ และเคยครองอันดับ 1 ใน App Store หมวดข่าวสารและนิตยสาร ในปี 2017 ไวท์ซ์แมนติดโผ Forbes 30 Under 30 จากผลงานผลักดันให้โลกออนไลน์เข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ผลงานของคลิฟฟ์ ไวท์ซ์แมนถูกกล่าวถึงในสื่อชั้นนำอย่าง EdSurge, Inc., PC Mag, Entrepreneur, Mashable และอีกมากมาย

speechify logo

เกี่ยวกับ Speechify

#1 โปรแกรมอ่านข้อความเป็นเสียง

Speechify เป็นแพลตฟอร์ม แปลงข้อความเป็นเสียง ชั้นนำของโลกที่มีผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคน และได้รับรีวิวระดับ 5 ดาวมากกว่า 500,000 รีวิวในแอปพลิเคชัน iOS, Android, Chrome Extension, เว็บแอป และ แอปบน Mac ในปี 2025 Apple ได้มอบรางวัล Apple Design Award อันทรงเกียรติให้กับ Speechify ในงาน WWDC โดยกล่าวว่าเป็น “ทรัพยากรสำคัญที่ช่วยให้ผู้คนใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น” Speechify มีเสียงธรรมชาติกว่า 1,000 เสียงใน 60+ ภาษา และมีผู้ใช้งานในเกือบ 200 ประเทศ เสียงคนดังที่มีให้เลือกใช้งาน เช่น Snoop Dogg, Mr. Beast และ Gwyneth Paltrow สำหรับผู้สร้างสรรค์และธุรกิจ Speechify Studio มีเครื่องมือขั้นสูง เช่น AI Voice Generator, AI Voice Cloning, AI Dubbing และ AI Voice Changer Speechify ยังสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชั้นนำด้วย Text to Speech API ที่มีคุณภาพสูงและคุ้มค่า นอกจากนี้ยังได้รับการนำเสนอใน The Wall Street Journal, CNBC, Forbes, TechCrunch และสื่อชั้นนำอื่น ๆ Speechify เป็นผู้ให้บริการแปลงข้อความเป็นเสียงที่ใหญ่ที่สุดในโลก เยี่ยมชม speechify.com/news, speechify.com/blog และ speechify.com/press เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม