1. หน้าหลัก
  2. การพิมพ์ด้วยเสียง
  3. การแปลงเสียงเป็นข้อความใน Google Docs
การพิมพ์ด้วยเสียง

การแปลงเสียงเป็นข้อความใน Google Docs

Cliff Weitzman

Cliff Weitzman

ซีอีโอ/ผู้ก่อตั้ง Speechify

#1 โปรแกรมอ่านข้อความเป็นเสียง
ให้ Speechify อ่านให้คุณฟัง

apple logoรางวัล Apple Design Award 2025
ผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคน

หนึ่งในฟีเจอร์ของ Google Docs ที่ทรงพลังคือ การแปลงเสียงเป็นข้อความ หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า “การพิมพ์ด้วยเสียง” ฟังก์ชัน การถอดเสียงด้วย AI นี้ช่วยให้คุณสั่งให้พิมพ์เนื้อหาโดยตรงลงใน Google Docs ด้วยเสียงของคุณเอง ในบทความนี้ เราจะแนะนำวิธีเปิดใช้ การแปลงเสียงเป็นข้อความ ใน Google Docs สำหรับ นักเรียน มืออาชีพ และครีเอเตอร์ที่อยากประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพ และทำงานแบบแฮนด์ฟรี

การแปลงเสียงเป็นข้อความใน Google Docs คืออะไร?

การแปลงเสียงเป็นข้อความ ใน Google Docs เป็นฟีเจอร์ การถอดเสียงด้วย AI ที่ถอดความคำพูดของคุณเป็นข้อความแบบเรียลไทม์ เครื่องมือนี้อาศัยการประมวลผลภาษาธรรมชาติและโมเดลรู้จำเสียงของ Google ที่ล้ำสมัยเพื่อแปลงเสียงของคุณได้อย่างแม่นยำ แม้รองรับหลายภาษาและสำเนียง

คุณสามารถใช้เพื่อร่าง เรียงความ เขียนรายงาน จดบันทึก หรือบันทึกไอเดีย—all โดยไม่ต้องพิมพ์แม้แต่คำเดียว ต่างจากเครื่องมือถอดเสียงหลายตัว ฟีเจอร์ การแปลงเสียงเป็นข้อความของ Google Docs มีมาให้ในตัวและใช้ฟรี แค่มีไมโครโฟนกับอินเทอร์เน็ตก็เริ่มได้

วิธีเปิดใช้งานการแปลงเสียงเป็นข้อความใน Google Docs โดยตรง

การเปิดใช้การพิมพ์ด้วยเสียงใน Google Docs ทำได้ง่ายและรวดเร็ว ฟีเจอร์นี้ติดมากับแพลตฟอร์มอยู่แล้ว จึงไม่ต้องติดตั้งส่วนเสริมใด ๆ

  1. เปิด Google Docs ใน Chrome: การพิมพ์ด้วยเสียงรองรับเฉพาะใน Google Chrome เปิดเอกสารของคุณในเบราว์เซอร์เพื่อเริ่มได้เลย
  2. เปิดเครื่องมือการพิมพ์ด้วยเสียง: จากเมนูด้านบนของ Google Docs เลือก เครื่องมือ > การพิมพ์ด้วยเสียง จะมีไอคอนไมโครโฟนปรากฏที่ด้านซ้ายของเอกสาร
  3. เลือกภาษา: คลิกลูกศรแบบเลื่อนลงเหนือไอคอนไมโครโฟนเพื่อเลือกภาษาที่ต้องการ Google รองรับมากกว่า 100 ภาษาและสำเนียง
  4. เริ่มพูดสั่งงาน: คลิกไอคอนไมโครโฟนแล้วเริ่มพูด ขณะคุณพูด คำจะขึ้นบนหน้าแบบทันที คุณสามารถพูดคำสั่งเครื่องหมายวรรคตอน เช่น “comma,” “period,” หรือ “new paragraph” เพื่อจัดรูปแบบข้อความอัตโนมัติ
  5. หยุดบันทึก: แตะไอคอนไมโครโฟนอีกครั้งเมื่อเสร็จ จากนั้นค่อยแก้ไข จัดรูปแบบ หรือแชร์เอกสารได้ตามปกติ

ประโยชน์ของการใช้การแปลงเสียงเป็นข้อความใน Google Docs

Google Docs มี การแปลงเสียงเป็นข้อความ ที่ช่วยยกระดับ การเรียน งาน การสื่อสาร และอื่น ๆ จริง ๆ แล้วนี่คือประโยชน์หลักของการใช้ การแปลงเสียงเป็นข้อความ ใน Google Docs

  • ประหยัดเวลาและเพิ่ม ประสิทธิภาพ: การพูดเร็วกว่าการพิมพ์มาก ด้วย การถอดเสียงด้วย AI ผู้ใช้สามารถสร้าง เอกสาร รายงาน หรือ เรียงความ ยาว ๆ ได้ในเวลาเพียงเสี้ยวเดียวเมื่อเทียบกับการพิมพ์ด้วยมือ
  • เพิ่ม การเข้าถึง และความครอบคลุม: การพิมพ์ด้วยเสียงทำให้ Google Docs ใช้งานได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกาย ผู้ที่มีภาวะ ดิสเล็กเซีย หรือผู้บกพร่องทางการมองเห็น ช่วยให้พวกเขาสร้างเนื้อหาได้โดยไม่ต้องใช้มือ
  • ลดความเมื่อยล้าทางร่างกาย: แค่เปลี่ยนจากคีย์บอร์ดมาใช้เสียง ก็ช่วยป้องกันการบาดเจ็บจากการใช้งานซ้ำ ๆ เช่น อาการปวดข้อมือหรือไหล่จากการพิมพ์นาน ๆ
  • เพิ่มสมาธิและความคิดสร้างสรรค์: การพูดมักทำให้ไอเดียไหลลื่นเป็นธรรมชาติกว่า จึงช่วยให้นักเขียนและมืออาชีพถ่ายทอดความคิดได้คล่อง โดยไม่สะดุดกับการพิมพ์
  • รองรับหลายภาษาและสำเนียง: AI ที่มากับระบบสามารถปรับเข้ากับภาษาและสำเนียงที่หลากหลาย จึงเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้หลายภาษาและทีมงานระดับสากล
  • ผสานการทำงานกับ Google Workspace ได้อย่างลื่นไหล: เพราะเป็นฟีเจอร์ที่อยู่ใน Google Docs คุณจึงสามารถใช้การพิมพ์ด้วยเสียงไปพร้อมกับการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์กับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนร่วมชั้นผ่าน เอกสาร ที่แชร์ได้

กรณีการใช้งานจริงของการแปลงเสียงเป็นข้อความบน Google Docs

ความยืดหยุ่นด้านการพิมพ์ด้วยเสียงด้วย AI ของ Google Docs ทำให้มีประโยชน์ในหลากหลายสาขาและสถานการณ์ เคสการใช้งานสำคัญ ๆ ได้แก่: 

  • Students และนักวิจัย: Students ใช้ speech to text ใน Google Docs เพื่อพิมพ์ตามคำบอก เรียงความ จดสรุปการบรรยาย ทำสรุป และถอดเสียงการอภิปรายกลุ่มได้รวดเร็ว แม่นยำ.
  • นักเขียนและผู้สร้างเนื้อหา: ผู้แต่ง บล็อกเกอร์ และนักข่าวใช้ speech to text ใน Google Docs เพื่อร่างไอเดียให้ลื่นไหล ระดมสมองเรื่องราว หรือถอดเสียงเป็น บทความ ระหว่างทำหลายอย่างพร้อมกัน.
  • มืออาชีพและผู้บริหาร: ผู้ใช้ในสายธุรกิจพึ่งพา speech to text ใน Google Docs เพื่อร่างบันทึกการประชุม เขียน อีเมล หรือเตรียมรายงาน ได้แบบแฮนด์ฟรีระหว่างคุยโทรศัพท์หรือเดินทาง.
  • ครูผู้สอน: ครูใช้ speech to text ใน Google Docs เพื่อสร้างแผนการสอน เขียนข้อเสนอแนะ และบันทึกการสนทนาในชั้นเรียนได้คล่องขึ้น.
  • ผู้ใช้ที่ต้องการการเข้าถึง: สำหรับผู้ที่มีการเคลื่อนไหวจำกัดหรือผู้มีปัญหาทางสายตา ฟีเจอร์ Google Docsspeech to text ช่วยให้ใช้งานได้อย่างอิสระ และเข้าถึงการสื่อสารดิจิทัลได้อย่างเท่าเทียม.

เคล็ดลับเพื่อผลลัพธ์การพิมพ์ด้วยเสียงที่ดีที่สุด

เพื่อให้การถอดความแม่นยำที่สุดเมื่อใช้ speech to text ใน Google Docs แนะนำให้ทำตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเหล่านี้

  • พูดให้ชัดและเป็นธรรมชาติ: รักษาจังหวะสม่ำเสมอ ออกเสียงชัดถ้อยชัดคำ เพื่อให้ระบบรู้จำได้แม่นขึ้น.
  • ใช้คำสั่งเครื่องหมายวรรคตอน: พูดชื่อเครื่องหมายวรรคตอน เช่น “คอมมา” “จุด” หรือ “ขึ้นบรรทัดใหม่” เพื่อจัดรูปแบบเอกสารอัตโนมัติ.
  • ทำงานในสภาพแวดล้อมที่เงียบ: ลดเสียงรบกวนพื้นหลังเพื่อกันความผิดพลาด และช่วยให้ AI จดจำเสียงคุณได้ดีขึ้น.
  • ตรวจทานและแก้ไขข้อความ: แม้ระบบรู้จำเสียงของ Google จะล้ำหน้า แต่อย่าลืมอ่านทวนเพื่อจับข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ หรือการตีความที่คลาดเคลื่อน.
  • ตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: เพราะการรู้จำเสียงของ Google ประมวลผลบนคลาวด์ การเชื่อมต่อที่เสถียรช่วยให้ทำงานลื่นไหลและแม่นยำ.

Speechify Voice Typing: Speech to Text อันดับ 1 สำหรับ Google Docs

Speechify การพิมพ์ด้วยเสียง (Voice Typing) ช่วยให้การเขียนใน Google Docs ง่ายขึ้น โดยแปลงเสียงของคุณเป็นข้อความที่สะอาด อ่านลื่น และแม่นยำ คุณพูดตามธรรมชาติได้เลย แล้ว Speechify จะตัดคำเติม เกลาภาษาและไวยากรณ์ ให้ได้ประโยคระดับมืออาชีพแบบเรียลไทม์ นอกจากการพิมพ์ด้วยเสียงที่ทรงพลังแล้ว คุณยังได้รับ การแปลงข้อความเป็นเสียง ที่มี เสียง AI เสมือนจริงกว่า 200 แบบ ใน กว่า 60 ภาษา และ ผู้ช่วยเสียง AI ในตัวที่สามารถสรุป อธิบาย หรือโต้ตอบกับเอกสารหรือหน้าเว็บได้ทันที ด้วย Speechify การพิมพ์ด้วยเสียง การสร้าง Google Docs จะเร็ว ลื่นไหล และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

คำถามที่พบบ่อย

การแปลงเสียงเป็นข้อความใน Google Docs คืออะไร?

การแปลงเสียงเป็นข้อความ ใน Google Docs จะเปลี่ยนคำพูดของคุณเป็นข้อความแบบทันที และ Speechify การพิมพ์ด้วยเสียง ยังให้การพิมพ์ด้วยเสียงแบบ AI ที่สะอาด อ่านลื่น และแม่นยำยิ่งขึ้น โดยตัดคำเติมและแก้ไวยากรณ์ให้อัตโนมัติ 

การแปลงเสียงเป็นข้อความของ Google Docs ใช้ได้ฟรีหรือไม่?

ใช่ การแปลงเสียงเป็นข้อความของ Google Docs ให้ใช้ฟรีทั้งหมด Speechify การพิมพ์ด้วยเสียง ก็มีวิธีพิมพ์ด้วยเสียงบน Google Docs ฟรี พร้อมการลบคำเติมอัตโนมัติและฟีเจอร์ขั้นสูงอื่นๆ

ต้องติดตั้งอะไรเพื่อใช้การแปลงเสียงเป็นข้อความใน Google Docs หรือไม่?

ไม่ต้องติดตั้งอะไรสำหรับ การแปลงเสียงเป็นข้อความ ใน Google Docs แต่ผู้ใช้จำนวนมากเลือกใช้ Speechify การพิมพ์ด้วยเสียง เพื่อฟีเจอร์การพิมพ์ด้วยเสียงแบบ AI ที่เหนือกว่า รวมถึง การแปลงข้อความเป็นเสียง และผู้ช่วยเสียง AI ในตัว 

จะเปิดใช้งานการแปลงเสียงเป็นข้อความใน Google Docs ได้อย่างไร?

คุณสามารถเปิดใช้งาน การแปลงเสียงเป็นข้อความ ใน Google Docs ผ่านเมนู Tools > Voice Typing แต่ Speechify Voice Typing จะทำงานได้ลื่นกว่าในเบราว์เซอร์ของคุณ

ฉันสามารถใช้การแปลงเสียงเป็นข้อความใน Google Docs สำหรับการเขียนระยะยาวได้หรือไม่?

ได้ คุณสามารถใช้ Google Docs สำหรับการเขียนระยะยาว และ Speechify การพิมพ์ด้วยเสียง จะช่วยเกลาร่างยาวให้เรียบร้อยขึ้น โดยลบคำเติมและแก้ไวยากรณ์ให้อัตโนมัติ

การแปลงเสียงเป็นข้อความใน Google Docs รับคำสั่งเครื่องหมายวรรคตอนหรือไม่?

Google Docs รู้จักคำสั่งเครื่องหมายวรรคตอน แต่ Speechify Voice Typing จัดการเครื่องหมายวรรคตอนที่พูดออกมาให้เอง พร้อมความแม่นยำสูงเป็นพิเศษ

นักเรียนได้ประโยชน์จากการใช้พูดเป็นข้อความใน Google Docs ไหม?

นักเรียน สามารถร่างเรียงความและบันทึกย่อได้ไวขึ้น และ Speechify Voice Typing ช่วยให้ผลงานดูเรียบร้อยขึ้น โดยลบคำเติมและปรับไวยากรณ์ให้อัตโนมัติ 

การใช้พูดเป็นข้อความใน Google Docs มีประโยชน์กับนักเขียนไหม?

นักเขียนใช้เพื่อร่างไอเดียได้อย่างเป็นธรรมชาติ และ Speechify Voice Typing ช่วยให้ประโยคไหลลื่นและดูมืออาชีพยิ่งขึ้น

ต้องใช้อินเทอร์เน็ตเวลาใช้พูดเป็นข้อความใน Google Docs ไหม?

ใช่ ต้องต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อใช้ Google Docs ในการพิมพ์ด้วยเสียง ส่วน Speechify Voice Typing ก็ใช้ AI บนคลาวด์เพื่อความแม่นยำสูงสุดเช่นกัน

ครูผู้สอนสามารถใช้พูดเป็นข้อความใน Google Docs ได้อย่างมีประสิทธิภาพไหม?

ครูสามารถพูดแผนการสอนและข้อเสนอแนะได้รวดเร็ว และ Speechify Voice Typing ช่วยขัดให้ชัดเจนและดูเป็นมืออาชีพ

ทางเลือกที่ดีที่สุดแทนฟีเจอร์พูดเป็นข้อความใน Google Docs คืออะไร?

Speechify Voice Typing เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะสร้างข้อความได้สะอาดกว่า ลบคำเติมให้ และเสริมฟีเจอร์ AI ทรงพลังอย่าง ข้อความเป็นเสียง และ ผู้ช่วยเสียง AI ที่ให้ผู้อ่านคุยโต้ตอบกับหน้าเว็บใดๆ ได้ 

เพลิดเพลินกับเสียง AI ที่ล้ำสมัยที่สุด ไฟล์ไม่จำกัด และการสนับสนุนตลอด 24/7

ทดลองฟรี
tts banner for blog

แชร์บทความนี้

Cliff Weitzman

Cliff Weitzman

ซีอีโอ/ผู้ก่อตั้ง Speechify

คลิฟฟ์ ไวท์ซ์แมน เป็นผู้ขับเคลื่อนสิทธิผู้มีภาวะดิสเล็กเซีย และดำรงตำแหน่งซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Speechify แอปแปลงข้อความเป็นเสียงอันดับ 1 ของโลก ที่กวาดรีวิว 5 ดาวกว่า 100,000 รายการ และเคยครองอันดับ 1 ใน App Store หมวดข่าวสารและนิตยสาร ในปี 2017 ไวท์ซ์แมนติดโผ Forbes 30 Under 30 จากผลงานผลักดันให้โลกออนไลน์เข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ผลงานของคลิฟฟ์ ไวท์ซ์แมนถูกกล่าวถึงในสื่อชั้นนำอย่าง EdSurge, Inc., PC Mag, Entrepreneur, Mashable และอีกมากมาย

speechify logo

เกี่ยวกับ Speechify

#1 โปรแกรมอ่านข้อความเป็นเสียง

Speechify เป็นแพลตฟอร์ม แปลงข้อความเป็นเสียง ชั้นนำของโลกที่มีผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคน และได้รับรีวิวระดับ 5 ดาวมากกว่า 500,000 รีวิวในแอปพลิเคชัน iOS, Android, Chrome Extension, เว็บแอป และ แอปบน Mac ในปี 2025 Apple ได้มอบรางวัล Apple Design Award อันทรงเกียรติให้กับ Speechify ในงาน WWDC โดยกล่าวว่าเป็น “ทรัพยากรสำคัญที่ช่วยให้ผู้คนใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น” Speechify มีเสียงธรรมชาติกว่า 1,000 เสียงใน 60+ ภาษา และมีผู้ใช้งานในเกือบ 200 ประเทศ เสียงคนดังที่มีให้เลือกใช้งาน เช่น Snoop Dogg, Mr. Beast และ Gwyneth Paltrow สำหรับผู้สร้างสรรค์และธุรกิจ Speechify Studio มีเครื่องมือขั้นสูง เช่น AI Voice Generator, AI Voice Cloning, AI Dubbing และ AI Voice Changer Speechify ยังสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชั้นนำด้วย Text to Speech API ที่มีคุณภาพสูงและคุ้มค่า นอกจากนี้ยังได้รับการนำเสนอใน The Wall Street Journal, CNBC, Forbes, TechCrunch และสื่อชั้นนำอื่น ๆ Speechify เป็นผู้ให้บริการแปลงข้อความเป็นเสียงที่ใหญ่ที่สุดในโลก เยี่ยมชม speechify.com/news, speechify.com/blog และ speechify.com/press เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม