Social Proof

PDF คืออะไร? ทุกสิ่งที่คุณต้องรู้

Speechify เป็นโปรแกรมอ่านเสียงอันดับ 1 ของโลก อ่านหนังสือ เอกสาร บทความ PDF อีเมล - ทุกอย่างที่คุณอ่าน - ได้เร็วขึ้น

แนะนำใน

forbes logocbs logotime magazine logonew york times logowall street logo

  1. PDF คืออะไร? PDF ย่อมาจากอะไร?
  2. ประวัติของ PDF: ใครเป็นผู้คิดค้น เมื่อไหร่ และทำไม
  3. PDF คือรูปแบบไฟล์อะไร?
  4. PDF คืออะไรและคุณใช้งานอย่างไร?
    1. การใช้ PDF นั้นง่ายดาย:
  5. วัตถุประสงค์หลักของ PDF คืออะไร?
  6. วิธีการทำเอกสารให้เป็น PDF?
  7. PDF มีลักษณะอย่างไร?
  8. ข้อดีของ PDF คืออะไร?
  9. ความแตกต่างระหว่าง pdf และ pdf/a คืออะไร?
  10. ความแตกต่างระหว่าง PDF และเอกสาร Word คืออะไร?
  11. ข้อดีและข้อเสียบางประการของการใช้ PDF คืออะไร?
  12. ความแตกต่างระหว่าง Adobe Acrobat และ Adobe Acrobat Reader
  13. ซอฟต์แวร์ยอดนิยมสำหรับการสร้าง PDF
  14. ซอฟต์แวร์ยอดนิยมสำหรับการอ่าน PDF
  15. ซอฟต์แวร์ยอดนิยมสำหรับการแก้ไข PDF
  16. คุณสามารถแปลง PDF เป็นรูปแบบไฟล์อื่นได้หรือไม่?
    1. มีหลายวิธีในการแปลง PDF เป็นรูปแบบไฟล์อื่น:
  17. คุณสามารถรวม PDF กับแอปอื่นได้หรือไม่?
ฟังบทความนี้ด้วย Speechify!
Speechify

PDF คืออะไร? PDF ย่อมาจากอะไร? เราทุกคนเคยใช้ PDF มาแล้วนับพันครั้ง แต่จริงๆ แล้ว PDF คืออะไร? PDF หรือ Portable Document Format,...

PDF คืออะไร? PDF ย่อมาจากอะไร?

เราทุกคนเคยใช้ PDF มาแล้วนับพันครั้ง แต่จริงๆ แล้ว PDF คืออะไร? PDF หรือ Portable Document Format เป็นรูปแบบไฟล์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อแสดงและแลกเปลี่ยนเอกสารได้อย่างน่าเชื่อถือ โดยไม่ขึ้นกับซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ หรือระบบปฏิบัติการ คำว่า "PDF" ย่อมาจาก Portable Document Format และใช้ในการบันทึกไฟล์ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ แต่สามารถแชร์และพิมพ์ได้ง่าย มันครอบคลุมองค์ประกอบต่างๆ เช่น ข้อความ รูปภาพ ลิงก์ ฟอร์ม ปุ่ม องค์ประกอบกราฟิก และฟอนต์ มาสำรวจดูว่า PDF คืออะไรกันแน่

ประวัติของ PDF: ใครเป็นผู้คิดค้น เมื่อไหร่ และทำไม

Adobe Systems เป็นผู้คิดค้น PDF ในปี 1992 เป้าหมายคือการสร้างรูปแบบไฟล์ที่สามารถรักษารูปแบบคงที่ คล้ายกับเอกสารที่พิมพ์ออกมา โดยทำให้เอกสารดูเหมือนกันบนคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง ทำให้เข้าถึงและแชร์ได้ง่ายขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในธุรกิจ ตั้งแต่นั้นมา PDF ได้แพร่หลายทั้งในพื้นที่ส่วนตัวและธุรกิจ และผู้คนก็ถามว่า "PDF คืออะไร?"

PDF คือรูปแบบไฟล์อะไร?

ไฟล์ PDF ย่อมาจาก Portable Document Format เป็นรูปแบบไฟล์ที่ใช้ในการแสดงและแลกเปลี่ยนเอกสารได้อย่างน่าเชื่อถือ โดยไม่ขึ้นกับซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ หรือระบบปฏิบัติการ คิดค้นโดย Adobe ไฟล์ PDF สามารถรวมเอกสารหลากหลายประเภทตั้งแต่ข้อความและรูปภาพไปจนถึงการออกแบบ 3D ที่มีการโต้ตอบได้

ลักษณะสำคัญของไฟล์ PDF ของ Adobe คือความสามารถในการรักษารูปลักษณ์ของเอกสาร — รวมถึงการจัดวาง ฟอนต์ สี และกราฟิก — บนทุกแพลตฟอร์ม ทำให้เอกสารปรากฏเหมือนกัน ไม่ว่าจะเปิดด้วยอุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์ใดก็ตาม นี่เป็นคุณสมบัติสำคัญเมื่อเอกสารต้องการแชร์หรือพิมพ์ในรูปแบบสากล

ไฟล์ PDF ยังสามารถมีองค์ประกอบที่โต้ตอบได้ เช่น ลิงก์ ฟอร์ม ปุ่ม วิดีโอ และเสียง สามารถป้องกันด้วยรหัสผ่านเพื่อความปลอดภัย และสามารถใช้ลายเซ็นดิจิทัลเพื่อยืนยันแหล่งที่มาของไฟล์ PDF ได้

นอกจากนี้ PDF ยังสามารถปรับให้เหมาะสมสำหรับการพิมพ์คุณภาพสูง การพิมพ์คุณภาพมาตรฐาน หรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ พวกเขายังรองรับเวอร์ชันสำหรับการเก็บถาวรระยะยาวของเอกสารที่มีข้อมูลทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการแสดงเอกสารในลักษณะเดียวกันฝังอยู่ในไฟล์

รูปแบบไฟล์ที่เป็นสากลและยืดหยุ่นนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในบริบททางวิชาชีพและส่วนตัว ตั้งแต่สัญญา คู่มือ และหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงเอกสารที่สแกน ฟอร์มที่โต้ตอบได้ และอื่นๆ อีกมากมาย

PDF คืออะไรและคุณใช้งานอย่างไร?

ตอนนี้เรารู้แล้วว่า PDF คืออะไร มาดูกันว่าเราจะใช้งานมันอย่างไร ในการใช้ไฟล์ PDF คุณต้องมี ซอฟต์แวร์อ่าน PDF ซอฟต์แวร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Adobe Acrobat Reader ซึ่งเป็นโปรแกรมดู PDF ฟรีที่สามารถเปิดและโต้ตอบกับเนื้อหา PDF ทุกประเภทได้ มีให้ใช้งานสำหรับระบบปฏิบัติการต่างๆ รวมถึง Windows, MacOS และ Android โปรแกรมอ่าน PDF อื่นๆ ได้แก่ Foxit, เว็บเบราว์เซอร์ของ Google Chrome และแอปอ่าน PDF ฟรีต่างๆ สำหรับ iOS และ Android

PDF หรือ Portable Document Format เป็นรูปแบบไฟล์ที่หลากหลายที่รักษาฟอนต์ รูปภาพ กราฟิก และการจัดวางของเอกสารต้นฉบับ ไม่ว่าจะสร้างขึ้นบนคอมพิวเตอร์หรือซอฟต์แวร์ใดก็ตาม ทำให้การแชร์เอกสารดิจิทัลน่าเชื่อถือและง่ายขึ้น เนื่องจากรักษาการออกแบบและการจัดวางเดิมไว้ในทุกอุปกรณ์

PDF ถูกใช้ในหลายบริบท ตั้งแต่เอกสารธุรกิจและกฎหมายไปจนถึงฟอร์ม คู่มือ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ และอื่นๆ อีกมากมาย พวกเขาสามารถมีลิงก์และปุ่ม ฟิลด์ฟอร์ม เสียง วิดีโอ และแม้กระทั่งตรรกะทางธุรกิจ คุณยังสามารถป้องกัน PDF ของคุณด้วยรหัสผ่านและสิทธิ์ รวมเข้ากับเวิร์กโฟลว์ และแม้กระทั่งใช้ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์

การใช้ PDF นั้นง่ายดาย:

  1. การเปิดและอ่าน PDF: คุณสามารถเปิดไฟล์ PDF บนอุปกรณ์เกือบทุกชนิดโดยใช้แอปพลิเคชันหลากหลาย ส่วนใหญ่เว็บเบราว์เซอร์ เช่น Google Chrome, Firefox และ Safari สามารถเปิด PDF ได้ โปรแกรมอ่าน PDF เฉพาะทาง เช่น Adobe Acrobat Reader ก็มีให้ใช้งานสำหรับ Windows, MacOS, iOS, Android และระบบปฏิบัติการอื่นๆ
  2. การสร้าง PDF: มีหลายวิธีในการสร้าง PDF โปรแกรมประมวลผลคำหลายโปรแกรม เช่น Microsoft Word หรือ Google Docs มีฟีเจอร์ในการบันทึกหรือส่งออกเอกสารเป็น PDF ซอฟต์แวร์เฉพาะทาง เช่น Adobe Acrobat สามารถสร้าง PDF ที่ซับซ้อนได้มากขึ้น
  3. การแก้ไข PDF: ในการแก้ไขไฟล์ PDF คุณจะต้องมีโปรแกรมแก้ไข PDF เช่น Adobe Acrobat Pro, PDFelement หรือ Foxit PhantomPDF แอปพลิเคชันเหล่านี้ช่วยให้คุณเปลี่ยนข้อความ เพิ่มรูปภาพ ปรับเปลี่ยนการจัดวาง และอื่นๆ โปรดจำไว้ว่าความสามารถในการแก้ไข PDF อาจถูกจำกัดหากผู้สร้างไฟล์ได้ป้องกันด้วยรหัสผ่าน
  4. การแชร์ PDF: การแชร์ไฟล์ PDF ง่ายเหมือนการส่งไฟล์ในอีเมล แชร์ลิงก์หาก PDF ถูกเก็บไว้ในบริการคลาวด์ หรือแม้กระทั่งแชร์ผ่านแอปส่งข้อความ
  5. จำไว้ว่า ประโยชน์หลักของการใช้ PDF คือความสามารถในการรักษาเนื้อหาและการจัดวางของเอกสารให้เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเปิดด้วยคอมพิวเตอร์หรือซอฟต์แวร์ใดก็ตาม

วัตถุประสงค์หลักของ PDF คืออะไร?

วัตถุประสงค์หลักของรูปแบบ PDF คือการทำให้เอกสารแสดงผลเหมือนกันไม่ว่าจะดูบนอุปกรณ์หรือระบบปฏิบัติการใดก็ตาม PDF จะจับภาพเอกสารเป็นภาพเพื่อให้เนื้อหาคงที่เหมือนเดิมในทุกแพลตฟอร์ม

วิธีการทำเอกสารให้เป็น PDF?

ในการทำเอกสารให้เป็น PDF คุณสามารถใช้ฟีเจอร์ "บันทึกเป็น" ใน Microsoft Word, Excel หรือ Google Docs เลือกรูปแบบ PDF เมื่อบันทึกไฟล์ และเอกสารของคุณจะถูกแปลงเป็น PDF คุณยังสามารถใช้ Adobe Acrobat เพื่อแปลงไฟล์จากรูปแบบอื่น เช่น DOCX, PNG หรือ JPG เป็น PDF ได้

PDF มีลักษณะอย่างไร?

PDF มีลักษณะเหมือนภาพที่จับภาพเอกสารไว้ รักษารูปแบบ ฟอนต์ และการจัดวางของเอกสารเดิมไว้ นอกจากนี้ยังสามารถมีองค์ประกอบแบบโต้ตอบ เช่น ฟอร์ม ปุ่ม และลิงก์ได้ ไม่เหมือนกับหน้าเว็บที่อาจแสดงผลต่างกันในเบราว์เซอร์หรือขนาดหน้าจอที่ต่างกัน PDF จะดูเหมือนเดิมในทุกอุปกรณ์

ข้อดีของ PDF คืออะไร?

ไฟล์ PDF มีข้อดีหลายประการ พวกมันรักษารูปแบบไม่ว่าจะเปิดบนอุปกรณ์ ระบบปฏิบัติการ หรือซอฟต์แวร์ใดก็ตาม พวกมันมีขนาดกะทัดรัดและสามารถแชร์หรือพิมพ์ได้ง่าย สามารถป้องกันด้วยรหัสผ่านเพื่อความปลอดภัยและรองรับฟังก์ชันแบบโต้ตอบได้ PDF ยังสามารถมีคำอธิบายประกอบและลายเซ็นดิจิทัลได้ นอกจากนี้ยังสามารถทำให้สอดคล้องกับมาตรฐาน PDF/A ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ได้รับการอนุมัติจาก ISO สำหรับการเก็บถาวรและการอนุรักษ์เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ในระยะยาว

ความแตกต่างระหว่าง pdf และ pdf/a คืออะไร?

PDF และ PDF/A เป็นรูปแบบไฟล์ที่อิงตามมาตรฐาน PDF แต่มีความแตกต่างที่สำคัญบางประการที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน

PDF (Portable Document Format): นี่คือรูปแบบมาตรฐานที่คิดค้นโดย Adobe ที่ใช้สำหรับการเก็บรักษาและแลกเปลี่ยนเอกสารดิจิทัล ไฟล์ PDF สามารถมีเนื้อหาหลากหลายรวมถึงข้อความ กราฟิก ภาพ และองค์ประกอบมัลติมีเดียเช่นเสียง วิดีโอ และฟิลด์แบบโต้ตอบ นอกจากนี้ยังสามารถรวมการอ้างอิงและการพึ่งพาภายนอกได้หลากหลาย เช่น ฟอนต์ โปรไฟล์สี และลิงก์

PDF/A (Portable Document Format for Archiving): นี่คือเวอร์ชันของมาตรฐาน PDF ที่ออกแบบมาสำหรับการจัดเก็บเอกสารในระยะยาวและการเก็บถาวร 'A' ใน PDF/A ย่อมาจาก 'Archiving' ไฟล์ PDF/A เป็นไฟล์ที่มีข้อมูลครบถ้วน หมายความว่าข้อมูลทั้งหมดที่จำเป็นในการแสดงเอกสารในลักษณะเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเวลาและเทคโนโลยีที่ใช้ จะถูกฝังอยู่ในไฟล์

ความแตกต่างหลักระหว่างสองรูปแบบนี้คือแนวคิดของการมีข้อมูลครบถ้วน ใน PDF มาตรฐาน องค์ประกอบบางอย่างเช่นฟอนต์และโปรไฟล์สีสามารถเชื่อมโยงกับทรัพยากรภายนอกได้ หากทรัพยากรภายนอกเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงหรือไม่สามารถใช้งานได้ในอนาคต PDF อาจไม่แสดงผลตามที่ตั้งใจไว้

ในทางตรงกันข้าม PDF/A ฝังทรัพยากรที่จำเป็นทั้งหมดไว้ในไฟล์เองเพื่อให้แน่ใจว่าเอกสารสามารถสร้างใหม่ได้อย่างถูกต้องในอนาคต แม้ว่าทรัพยากรดั้งเดิมที่ใช้สร้างเอกสารจะไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป ตัวอย่างเช่น ฟอนต์ทั้งหมดที่ใช้ในเอกสาร PDF/A จะถูกฝังโดยตรงในไฟล์

สิ่งนี้ทำให้ PDF/A เป็นรูปแบบที่เหมาะสำหรับการเก็บถาวรเอกสารที่ต้องการการอนุรักษ์อย่างถูกต้องในระยะยาว อย่างไรก็ตาม มันยังหมายความว่าไฟล์ PDF/A อาจมีขนาดใหญ่กว่าไฟล์ PDF มาตรฐาน และไม่สามารถมีเนื้อหาบางประเภท เช่น องค์ประกอบมัลติมีเดียหรือ JavaScript ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามเวลา หรืออาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

รูปแบบ PDF/A เป็นเวอร์ชันที่ได้รับการมาตรฐาน ISO ของมาตรฐาน PDF และมีหลายประเภท (เช่น PDF/A-1, PDF/A-2, และ PDF/A-3) ซึ่งมีระดับการปฏิบัติตามและความเข้ากันได้ที่แตกต่างกัน ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการและข้อจำกัดในการเก็บถาวรที่แตกต่างกัน

ความแตกต่างระหว่าง PDF และเอกสาร Word คืออะไร?

แม้ว่าเอกสาร PDF และ Word จะใช้ในการแสดงข้อความ แต่พวกมันมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน เอกสาร Word (.doc หรือ .docx) เป็นไฟล์ที่สามารถแก้ไขและจัดรูปแบบได้ง่าย ใช้เมื่อเนื้อหาของไฟล์ยังอยู่ในระหว่างการเขียน แก้ไข หรือจำเป็นต้องจัดการ ในขณะที่ PDF ใช้สำหรับเวอร์ชันสุดท้ายของเอกสารที่ต้องการแชร์หรือพิมพ์ เนื่องจากรูปแบบจะคงที่เหมือนเดิมในทุกแพลตฟอร์ม

ข้อดีและข้อเสียบางประการของการใช้ PDF คืออะไร?

ข้อดีหลักของการใช้ PDF คือความเป็นอิสระจากแพลตฟอร์ม ลักษณะของ PDF จะไม่เปลี่ยนแปลงตามอุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์ที่ใช้ดู นอกจากนี้ PDF ยังสามารถป้องกันด้วยรหัสผ่านเพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต และยังอนุญาตให้รวมองค์ประกอบมัลติมีเดีย เช่น เสียง วิดีโอ ลิงก์ และฟอร์มแบบโต้ตอบได้

อย่างไรก็ตาม การแก้ไข PDF อาจเป็นเรื่องท้าทายและมักต้องใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะเช่นโปรแกรมแก้ไข PDF แม้ว่า PDF จะสามารถรวมสื่อประเภทต่างๆ ได้ แต่ไฟล์สื่อขนาดใหญ่สามารถเพิ่มขนาดของ PDF ได้อย่างมาก ทำให้ยากต่อการแชร์

ความแตกต่างระหว่าง Adobe Acrobat และ Adobe Acrobat Reader

Adobe Acrobat Reader เป็นโปรแกรมดู PDF ฟรีที่ช่วยให้คุณอ่าน พิมพ์ และใส่คำอธิบายประกอบในเอกสาร PDF ได้ แต่ Adobe Acrobat เป็นซอฟต์แวร์ที่ต้องชำระเงินซึ่งมีฟีเจอร์มากกว่าการดู PDF เพียงอย่างเดียว รวมถึงฟีเจอร์สำหรับการสร้าง แก้ไข รักษาความปลอดภัย และแปลงไฟล์ PDF

ซอฟต์แวร์ยอดนิยมสำหรับการสร้าง PDF

แอปที่ดีที่สุดสำหรับการสร้าง PDF คืออะไร?

  1. Adobe Acrobat: Adobe Acrobat เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางว่าเป็นซอฟต์แวร์ที่ทรงพลังและหลากหลายที่สุดสำหรับการสร้าง PDF ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแปลงไฟล์ประเภทต่างๆ เช่น DOCX, PPT และ HTML เป็น PDF โดยรักษารูปแบบและการจัดวางไว้ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ขั้นสูงมากมาย เช่น การเพิ่มการตั้งค่าความปลอดภัย ฝังมัลติมีเดีย สร้างฟอร์ม และอื่นๆ มีให้ใช้งานทั้งใน Windows และ MacOS
  2. Microsoft Word: แม้ว่าเป็นซอฟต์แวร์ประมวลผลคำเป็นหลัก Microsoft Word มีวิธีการสร้าง PDF ที่ง่ายและตรงไปตรงมา ผู้ใช้สามารถเขียนและจัดรูปแบบเอกสารตามปกติ จากนั้นเลือกบันทึกไฟล์เป็น PDF ซึ่งจะแปลงเอกสาร Word เป็น PDF โดยรักษารูปแบบ ฟอนต์ และภาพทั้งหมด Word เป็นส่วนหนึ่งของ Microsoft Office Suite และมีให้ใช้งานใน Windows, MacOS และเป็นเว็บแอป
  3. Google Docs: Google Docs ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดสำนักงานบนเว็บฟรีของ Google ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง PDF ได้โดยตรงจากเบราว์เซอร์ คล้ายกับ Microsoft Word เมื่อสร้างเอกสารใน Google Docs แล้ว สามารถดาวน์โหลดเป็น PDF ได้ โดยรักษารูปแบบและข้อความทั้งหมดไว้ เนื่องจากเป็นระบบคลาวด์ จึงช่วยให้แชร์และทำงานร่วมกันได้ง่าย
  4. Foxit PhantomPDF: Foxit PhantomPDF เป็นโซลูชัน PDF ที่แข็งแกร่งซึ่งมีฟีเจอร์มากมาย ผู้ใช้สามารถสร้าง PDF จากรูปแบบไฟล์ทั่วไป สแกนเนอร์ หน้ากระดาษเปล่า และแม้กระทั่งคลิปบอร์ด นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การสร้างไฟล์ที่สอดคล้องกับ PDF/A สำหรับการเก็บถาวร การเพิ่มลายน้ำ หัวกระดาษ ท้ายกระดาษ และลายเซ็นดิจิทัล มีให้ใช้งานใน Windows และ MacOS
  5. PDFCreator (Windows): PDFCreator เป็นแอปพลิเคชันยอดนิยมสำหรับการสร้าง PDF บน Windows เครื่องมือนี้ฟรีและติดตั้งตัวเองเป็นระบบย่อยของเครื่องพิมพ์ ช่วยให้คุณสร้าง PDF จากแอปพลิเคชัน Windows ใดๆ ที่สามารถพิมพ์ได้ นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการเข้ารหัส PDF และป้องกันไม่ให้เปิดหรือพิมพ์
  6. PDF Expert (MacOS): PDF Expert เป็นโปรแกรมแก้ไข PDF ที่รวดเร็ว แข็งแกร่ง และสวยงามสำหรับ MacOS นอกจากการอ่านและใส่คำอธิบายประกอบใน PDF แล้ว ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง PDF ได้โดยตรงจากแอปพลิเคชันหรือโดยการบันทึกรูปแบบไฟล์อื่นๆ เป็น PDF นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกในการรวมเอกสารต่างๆ เข้าด้วยกันเป็น PDF เดียว

ซอฟต์แวร์ยอดนิยมสำหรับการอ่าน PDF

แอปที่ดีที่สุดสำหรับการอ่าน PDF คืออะไร? มีมากมาย แต่มีเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นผู้ชนะ ดูรายชื่อด้านล่าง

  1. Speechify PDF Reader: Speechify PDF reader เป็นแอปที่ดีที่สุดในคลาสสำหรับการอ่าน PDF ด้วยฟีเจอร์อย่างเสียงมากกว่า 200 เสียง รองรับหลายภาษา ประสบการณ์การฟังและอ่านที่เน้นการโต้ตอบ และมีบอท AI ในตัวที่คุณสามารถถามคำถามเกี่ยวกับเอกสารของคุณได้ มันเป็นคู่แข่งกับแอปอย่าง Adobe และ Foxit ลองใช้ฟรี.
  2. Adobe Acrobat Reader: Adobe Acrobat Reader เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดสำหรับการดูไฟล์ PDF ฟรี เชื่อถือได้ และมีให้ใช้งานในหลายระบบปฏิบัติการ รวมถึง Windows, MacOS, Android และ iOS นอกจากการอ่าน PDF แล้ว ยังช่วยให้ผู้ใช้ใส่คำอธิบายประกอบใน PDF ด้วยความคิดเห็น ไฮไลต์ และเครื่องมือวาดภาพ ทำให้เป็นเครื่องมือ PDF ที่ครอบคลุม
  3. Google Chrome: Google Chrome ไม่ได้เป็นเพียงเว็บเบราว์เซอร์เท่านั้น แต่ยังเป็นโปรแกรมดู PDF ที่สะดวกอีกด้วย มันเปิด PDF ในแท็บเบราว์เซอร์ใหม่เมื่อคุณคลิกที่ลิงก์ PDF ช่วยให้คุณดูเอกสารโดยไม่ต้องใช้ซอฟต์แวร์เพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์พื้นฐาน เช่น การซูม ค้นหา และพิมพ์ ทำให้เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการดู PDF อย่างรวดเร็ว
  4. Foxit Reader: Foxit Reader เป็นโปรแกรมดู PDF ที่มีฟีเจอร์หลากหลายที่รู้จักกันในด้านความเร็วและการออกแบบที่เบา มันมีฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การใส่คำอธิบายประกอบ การกรอกฟอร์ม และการแชร์ผ่านอีเมลหรือเครือข่ายสังคม นอกจากนี้ยังรองรับการอ่าน PDF อย่างปลอดภัย ช่วยให้ผู้ใช้ดู PDF ที่มีการป้องกันด้วยรหัสผ่านหรือมีลายเซ็นดิจิทัล มีให้ใช้งานใน Windows, MacOS, Linux และแพลตฟอร์มมือถือ
  5. Nitro PDF Reader (Windows): Nitro PDF Reader เป็นโปรแกรมดู PDF ฟรีและแข็งแกร่งสำหรับ Windows มีฟีเจอร์สำหรับการดู สร้าง และแปลง PDF ซอฟต์แวร์นี้โดดเด่นด้วยอินเทอร์เฟซสไตล์สำนักงาน ใช้งานง่าย และฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การกรอกฟอร์ม การลงนามเอกสาร และการดึงข้อความ
  6. Preview (MacOS): Preview เป็นโปรแกรมดู PDF เริ่มต้นสำหรับ MacOS นอกจากการดู PDF แล้ว ยังช่วยให้ผู้ใช้ใส่คำอธิบายประกอบ แทรกลายเซ็น และกรอกฟอร์ม ผู้ใช้ยังสามารถใช้ Preview เพื่อดูและแก้ไขไฟล์ภาพ ทำให้เป็นเครื่องมือที่หลากหลายสำหรับผู้ใช้ MacOS
  7. Xodo (Android, iOS): Xodo เป็นโปรแกรมดูและใส่คำอธิบายประกอบ PDF ที่เป็นมิตรกับมือถือ ฟรีและใช้งานง่าย มีฟีเจอร์หลากหลาย เช่น การไฮไลต์ ขีดเส้นใต้ และเพิ่มความคิดเห็นใน PDF นอกจากนี้ยังรวมเข้ากับคลาวด์ หมายความว่าคุณสามารถเข้าถึงและจัดการ PDF ที่เก็บไว้ใน Google Drive, Dropbox หรือ OneDrive

ซอฟต์แวร์ยอดนิยมสำหรับการแก้ไข PDF

  1. Adobe Acrobat Pro: Adobe Acrobat Pro เป็นซอฟต์แวร์แก้ไข PDF ระดับพรีเมียมที่มีเครื่องมือหลากหลายสำหรับการปรับแต่งและปรับปรุงไฟล์ PDF ผู้ใช้สามารถเพิ่ม ลบ และแก้ไขข้อความและรูปภาพ เพิ่มคำอธิบายประกอบ ความคิดเห็น และลายเซ็นดิจิทัล และจัดการหน้าภายใน PDF นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์สำหรับแปลง PDF เป็นรูปแบบอื่นและสร้างฟอร์มที่กรอกได้ มีให้ใช้งานทั้งใน Windows และ MacOS
  2. Foxit PhantomPDF: Foxit PhantomPDF มอบประสบการณ์การแก้ไข PDF ที่ครบถ้วน ด้วยเครื่องมือในการแก้ไขข้อความ เพิ่มรูปภาพ และเปลี่ยนแปลงรูปแบบเอกสาร นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์สำหรับรวมและแยก PDF การเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัย และการเพิ่มคำอธิบายประกอบหรือลายเซ็นดิจิทัล เป็นที่รู้จักในด้านความเร็วและอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย และมีให้ใช้งานใน Windows และ MacOS
  3. Nitro Pro (Windows): Nitro Pro เป็นโปรแกรมแก้ไข PDF ที่ครอบคลุมสำหรับ Windows ที่มีฟีเจอร์หลากหลาย ช่วยให้ผู้ใช้แก้ไขข้อความ รูปภาพ และหน้า แปลง PDF ไปและกลับจากรูปแบบอื่น ตรวจสอบและเพิ่มคำอธิบายประกอบ PDF และป้องกัน PDF ด้วยรหัสผ่านและสิทธิ์ อินเทอร์เฟซคล้ายกับ Microsoft Office ทำให้ง่ายต่อการใช้งาน
  4. PDFpenPro (MacOS): PDFpenPro เป็นเครื่องมือแก้ไข PDF ที่ทรงพลังสำหรับ MacOS มีฟีเจอร์สำหรับแก้ไขข้อความ รูปภาพ และรูปแบบหน้า การเพิ่มคำอธิบายประกอบและการทำเครื่องหมายบน PDF OCR (การรู้จำอักขระด้วยแสง) และการสร้างฟอร์ม PDF แบบโต้ตอบ นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือสำหรับการเข้ารหัสและการป้องกันด้วยรหัสผ่าน
  5. PDFelement (Windows, MacOS, iOS, Android): PDFelement เป็นซอฟต์แวร์แก้ไข PDF ที่หลากหลายที่มีเครื่องมือสำหรับแก้ไข เพิ่มคำอธิบายประกอบ แปลง สร้าง และรักษาความปลอดภัย PDF โดดเด่นด้วยอินเทอร์เฟซที่สะอาดและใช้งานง่ายและความสามารถ OCR ซอฟต์แวร์ยังรองรับการประมวลผลแบบกลุ่ม ทำให้เหมาะสำหรับธุรกิจหรือบุคคลที่ต้องจัดการ PDF จำนวนมาก
  6. Sejda (Web, Windows, MacOS, Linux): Sejda เป็นโปรแกรมแก้ไข PDF ที่ใช้งานง่ายซึ่งทำงานในเว็บเบราว์เซอร์ของคุณ ไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ใด ๆ มีเครื่องมือสำหรับแก้ไขข้อความและรูปภาพ การรวมและแยก PDF การลงนามและรักษาความปลอดภัย PDF และการแปลง PDF ไปและกลับจากรูปแบบอื่น นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันเดสก์ท็อปสำหรับการใช้งานแบบออฟไลน์ อินเทอร์เฟซที่ใช้เบราว์เซอร์ของ Sejda ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยืดหยุ่นสำหรับผู้ใช้ในระบบปฏิบัติการใด ๆ

คุณสามารถแปลง PDF เป็นรูปแบบไฟล์อื่นได้หรือไม่?

ได้ คุณสามารถแปลง PDF เป็นรูปแบบไฟล์อื่น ๆ ได้หลากหลาย ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อคุณต้องการแก้ไขเนื้อหาของไฟล์ PDF ในรูปแบบที่ยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น เอกสาร Word หรือเมื่อคุณต้องการใช้ข้อมูลจาก PDF ในบริบทที่แตกต่าง เช่น สเปรดชีตหรือการนำเสนอ

มีหลายวิธีในการแปลง PDF เป็นรูปแบบไฟล์อื่น:

  1. ซอฟต์แวร์แก้ไข PDF: เครื่องมือเช่น Adobe Acrobat Pro และ Foxit PhantomPDF สามารถบันทึก PDF เป็นไฟล์ประเภทอื่น ๆ รวมถึงเอกสาร Word (.doc, .docx) สเปรดชีต Excel (.xls, .xlsx) การนำเสนอ PowerPoint (.ppt, .pptx) และไฟล์รูปภาพ (.jpg, .png, ฯลฯ)
  2. เครื่องมือแปลงออนไลน์: มีเครื่องมือแปลง PDF ออนไลน์ฟรีมากมายที่ให้คุณอัปโหลดไฟล์ PDF และแปลงเป็นรูปแบบอื่น ๆ เครื่องมือเหล่านี้มักจะแปลง PDF เป็นไฟล์ประเภทต่าง ๆ ได้ รวมถึงเอกสาร Word สเปรดชีต Excel การนำเสนอ PowerPoint และไฟล์รูปภาพ
  3. ซอฟต์แวร์สำนักงาน: ซอฟต์แวร์สำนักงานบางชุด เช่น Microsoft Word และ Google Docs สามารถเปิดไฟล์ PDF และแปลงเป็นรูปแบบพื้นเมืองของพวกเขาได้ อย่างไรก็ตาม ความแม่นยำของการแปลงอาจแตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรูปแบบที่ซับซ้อน

โปรดจำไว้ว่า กระบวนการแปลงอาจไม่สามารถรักษารูปแบบและการจัดวางของ PDF ต้นฉบับได้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีองค์ประกอบที่ซับซ้อน เช่น ตาราง กราฟิก และฟอนต์พิเศษ นอกจากนี้ยังควรทราบว่า PDF บางไฟล์อาจมีการป้องกันด้วยรหัสผ่านหรือการตั้งค่าความปลอดภัยอื่น ๆ ที่ป้องกันไม่ให้แปลงได้

คุณสามารถรวม PDF กับแอปอื่นได้หรือไม่?

ได้ PDF สามารถรวมเข้ากับแอปอื่น ๆ ได้หลายวิธี การรวมนี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มความร่วมมือ และทำให้กระบวนการทำงานราบรื่นขึ้น นี่คือตัวอย่างทั่วไปบางประการ:

  1. ระบบจัดการเอกสาร (DMS): แอปพลิเคชันอย่าง Microsoft SharePoint, Google Drive หรือ Dropbox สามารถเก็บไฟล์ PDF และช่วยให้การแชร์ การทำงานร่วมกัน และการควบคุมเวอร์ชันเป็นเรื่องง่าย ผู้ใช้สามารถเข้าถึงไฟล์ PDF เหล่านี้ได้จากทุกที่และมักจะเข้าถึงได้โดยตรงจากแอป DMS
  2. โปรแกรมแก้ไข PDF บนคลาวด์: แอปพลิเคชันเช่น Adobe Acrobat DC และ Xodo ช่วยให้คุณเปิด แก้ไข และใส่คำอธิบายประกอบในไฟล์ PDF ได้โดยตรงจากเว็บเบราว์เซอร์ เครื่องมือเหล่านี้มักมีฟีเจอร์สำหรับการแชร์และการทำงานร่วมกัน
  3. แอปเซ็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์: เครื่องมืออย่าง DocuSign และ Adobe Sign สามารถรวมเข้ากับไฟล์ PDF เพื่ออำนวยความสะดวกในการเซ็นเอกสาร สัญญา แบบฟอร์ม และเอกสารอื่น ๆ ทางอิเล็กทรอนิกส์
  4. เครื่องมือจัดการโครงการ: แอปพลิเคชันอย่าง Trello, Asana และ Slack สามารถรวมเข้ากับไฟล์ PDF เพื่อให้ผู้ใช้แชร์และพูดคุยเกี่ยวกับเอกสาร PDF ได้โดยตรงภายในโครงการหรือภารกิจ
  5. โปรแกรมอีเมล: โปรแกรมอีเมลส่วนใหญ่สามารถดูตัวอย่างไฟล์แนบ PDF ได้โดยตรงในอินเทอร์เฟซอีเมล บางโปรแกรม เช่น Outlook ยังมีความสามารถในการบันทึกอีเมลหรือโฟลเดอร์ทั้งหมดเป็นไฟล์ PDF
  6. แอปพลิเคชันมือถือ: แอปพลิเคชันมือถือหลากหลายช่วยให้ผู้ใช้เปิด ใส่คำอธิบายประกอบ และแชร์ไฟล์ PDF บนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต บางแอปยังสามารถจับภาพหรือข้อความและแปลงเป็นไฟล์ PDF ได้
  7. ซอฟต์แวร์ OCR: ซอฟต์แวร์การรู้จำอักขระด้วยแสง (OCR) เช่น Adobe Acrobat หรือ ABBYY FineReader สามารถแปลงไฟล์ PDF ที่สแกนหรือภาพเป็นข้อความที่แก้ไขได้และค้นหาได้

สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าระดับและประเภทของการรวมขึ้นอยู่กับแอปพลิเคชันเฉพาะและคุณสมบัติของมัน แอปอาจต้องได้รับการกำหนดค่าให้ทำงานกับไฟล์ PDF หรืออาจต้องใช้ส่วนขยายหรือปลั๊กอิน ในบางกรณี เฉพาะบางเวอร์ชันของแอป (เช่น เวอร์ชันที่ต้องชำระเงิน) อาจรองรับการรวม PDF

PDF ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตดิจิทัลของเรา เนื่องจากความง่ายในการใช้งานและความสม่ำเสมอข้ามแพลตฟอร์ม แม้จะมีไฟล์ประเภทอื่น ๆ เพิ่มขึ้นมากมาย แต่ PDF ยังคงยืนหยัดเป็นรูปแบบที่นิยมสำหรับการแชร์เอกสารที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ และพกพาได้

เราหวังว่าบล็อกนี้จะตอบคำถามว่า PDF คืออะไร และคุณสามารถเลือก โปรแกรมอ่าน PDF ที่ดีที่สุดได้ ลองใช้ Speechify PDF Reader ฟรี.

Cliff Weitzman

คลิฟ ไวซ์แมน

คลิฟ ไวซ์แมน เป็นผู้สนับสนุนด้านดิสเล็กเซียและเป็น CEO และผู้ก่อตั้ง Speechify แอปพลิเคชันแปลงข้อความเป็นเสียงอันดับ 1 ของโลก ที่มีรีวิว 5 ดาวมากกว่า 100,000 รีวิว และครองอันดับหนึ่งใน App Store ในหมวดข่าวและนิตยสาร ในปี 2017 ไวซ์แมนได้รับการยกย่องในรายชื่อ Forbes 30 under 30 จากผลงานของเขาในการทำให้อินเทอร์เน็ตเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้ที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้ คลิฟ ไวซ์แมน ได้รับการนำเสนอใน EdSurge, Inc., PC Mag, Entrepreneur, Mashable และสื่อชั้นนำอื่น ๆ