1. หน้าแรก
  2. สมาธิสั้น (ADHD)
  3. เครื่องมือช่วยอ่านสำหรับผู้มีภาวะ ADHD
สมาธิสั้น (ADHD)

เครื่องมือช่วยอ่านสำหรับผู้มีภาวะ ADHD

Cliff Weitzman

Cliff Weitzman

ซีอีโอ/ผู้ก่อตั้ง Speechify

#1 โปรแกรมอ่านข้อความเป็นเสียง
ให้ Speechify อ่านให้คุณฟัง

apple logoรางวัล Apple Design Award 2025
ผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคน

การอ่านอาจเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับผู้ที่มี ADHD ซึ่งมักต้องรับมือกับการโฟกัส การกรองสิ่งรบกวน และการจดจำข้อมูลจากย่อหน้ายาวๆ โชคดีที่เครื่องมืออ่านสำหรับ ADHD มีฟีเจอร์อย่าง text to speech ตัวจับเวลาแบบภาพ และตัวบล็อกสิ่งรบกวน เพื่อช่วยให้ผู้อ่านโฟกัสและซึมซับเนื้อหาในจังหวะของตัวเอง นี่คือเครื่องมืออ่านสำหรับ ADHD ชั้นดีที่ออกแบบมาให้การทำความเข้าใจและการโฟกัสเป็นเรื่องง่ายขึ้น. 

Speechify

Speechify เปลี่ยนข้อความทุกชนิด ทั้ง PDFs, articles, emails และ web pages ให้กลายเป็นกว่า 1,000 AI voices สมจริง ครอบคลุมกว่า 60+ languages สำหรับผู้มี ADHD ความยืดหยุ่นนี้ช่วยให้โฟกัสได้ระหว่าง multitasking หรือขณะเคลื่อนไหว แอปจะไฮไลต์ข้อความไปพร้อมเสียงอ่าน ช่วยเสริม comprehension ผ่านทั้งภาพและเสียง ปรับความเร็วการเล่นได้ ผู้ใช้จึงตั้งค่าประสบการณ์ฟังให้เข้ากับจังหวะความสนใจของตัวเอง เหมาะกับผู้เรียนรู้ผ่านการฟังที่โฟกัสกับการอ่านนานๆ ได้ยาก แต่รับข้อมูลผ่านเสียงได้ดี

Helperbird

Helperbird เป็นเครื่องมือด้านการเข้าถึง (accessibility) แบบครบชุด ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนผู้อ่านที่มี ADHD, dyslexia และความแตกต่างทางการเรียนรู้อื่นๆ มาในรูปแบบส่วนขยายเบราว์เซอร์ ปรับ web pages และ documents ให้เป็นสภาพแวดล้อมการอ่านที่ส่วนตัวและปลอดสิ่งรบกวน ผู้ใช้เปลี่ยนฟอนต์ สีพื้นหลัง ระยะห่าง และตัวชี้โฟกัสทีละบรรทัดเพื่อช่วยโฟกัสได้ อีกทั้งมีตัวอ่าน text to speech ในตัว เครื่องมือจดโน้ต และเครื่องมือบังหน้าจอเพื่อลดความรกทางสายตา. 

Mindgrasp

Mindgrasp เน้นเครื่องมืออ่านสำหรับผู้มี ADHD ช่วยให้นักเรียนมีส่วนร่วมกับสื่อการเรียนได้ต่อเนื่อง ด้วยการย่อยข้อมูลซับซ้อนให้เป็นส่วนเล็กๆ อ่านง่าย ผู้ใช้สามารถอัปโหลด PDFs, โน้ต หรือ articles แล้ว AI จะสรุปประเด็นสำคัญ ไฮไลต์ส่วนที่ควรโฟกัส และสร้างแฟลชการ์ดหรือ quizzes ทันที ช่วยลดภาระทางความคิด โฟกัสที่ความเข้าใจแทนการถอดรหัส นอกจากนี้แพลตฟอร์มยังมีเสียงอ่านสำหรับสายฟัง ให้ฟังไปพร้อมไล่ตามด้วยสายตาได้. 

Bionic Reading

Bionic Reading ใช้ระบบการเน้นตัวอักษรเฉพาะเพื่อช่วยเพิ่มสมาธิและความเร็วในการอ่าน โดยทำตัวหนาอักษรช่วงต้นของแต่ละคำ เทคนิคภาพนี้ช่วยพาสายตาไหลไปตามประโยคได้ลื่นขึ้น เหมาะมากกับผู้อ่านที่มี ADHD ที่มักตามไม่ทันหรือหลุดจากบรรทัด ยังช่วยเรื่อง การจดจำ ด้วยการเน้นรูปแบบคำและลดความล้าทางสมอง Bionic Reading ใช้ได้ผ่านส่วนขยายเบราว์เซอร์ แอป หรือเชื่อมกับเครื่องอ่าน e-reader แปลงข้อความใด ๆ ให้เป็นรูปแบบที่เป็นมิตรกับผู้มีความแตกต่างทางประสาท ช่วยให้อ่านลื่นและโฟกัสดีขึ้น

StudyFetch

StudyFetch ใช้ AI ช่วยให้ผู้เรียนที่มี ADHD รับมือปัญหาเรื่อง ความเข้าใจ และ การจดจำ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ใช้แค่อัปโหลดสื่อการเรียน แล้วระบบจะสรุปและแปลงเป็นเครื่องมือชวนเรียน เช่น แฟลชการ์ด คำถาม-ตอบ และควิซแบบโต้ตอบ แพลตฟอร์มนี้เน้นการเรียนรู้เชิงรุก—ชวนมีส่วนร่วมมากกว่านั่งอ่านเฉย ๆ StudyFetch ยังมีเครื่องมืออ่านที่ออกแบบเฉพาะสำหรับผู้ที่มี ADHD ช่วยวางตารางอ่านและจัดช่วงการเรียน เสริมความสม่ำเสมอและสมาธิ

FocusEx

FocusEx เป็นส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่สร้างสภาพแวดล้อมการอ่านไร้สิ่งรบกวนสำหรับผู้ที่มี ADHD โดยลบโฆษณา แถบด้านข้าง และป๊อปอัปออกจาก หน้าเว็บ เหลือแค่เนื้อความที่สะอาดตา อ่านสบาย ยังมีฟอนต์ ธีมสี และระยะบรรทัดที่ปรับได้เพื่อลดความล้าทางสายตา พร้อมตัวจับเวลาและตัวติดตามความคืบหน้า FocusEx ช่วยให้ผู้ใช้โฟกัสเป็นช่วงเวลาที่ตั้งไว้—เทคนิคที่รู้จักกันในชื่อ Pomodoro วิธีนี้ที่มีโครงสร้างช่วยให้ผู้อ่านที่มี ADHD แบ่งการอ่านยาว ๆ เป็นช่วงสั้น ๆ ที่จัดการง่ายขึ้น

Glide

แอป Glide สำหรับ macOS ออกแบบมาสำหรับผู้อ่านที่มี ADHD แนะนำ “Glide Reading” วิธีอ่านแบบมีไกด์ที่ให้ข้อความเลื่อนไปด้วยความเร็วที่ควบคุมได้บนหน้าจอ ช่วยรักษาจังหวะและกันสมาธิหลุด ตัวจับเวลาและการปรับจังหวะในตัวของ Glide ช่วยตั้งเป้าการอ่านและมีส่วนร่วมโดยไม่รู้สึกเร่งรัด อินเทอร์เฟซแบบมินิมอลลดสิ่งรบกวนสายตา ให้โฟกัสที่เนื้อหาได้เต็มที่

ADHD Reader

ส่วนขยาย ADHD Reader Chrome Extension ทำให้อ่านบนดิจิทัลได้ง่ายขึ้น โดยปรับเนื้อหาเว็บใหม่ให้เป็นเลย์เอาต์ที่เป็นมิตรกับผู้มี ADHD แบบอัตโนมัติ ลบสิ่งรบกวน ไฮไลต์คำสำคัญ และแบ่งย่อหน้าให้สั้น อ่านง่าย ผู้ใช้ปรับขนาดฟอนต์ สีพื้นหลัง และความเร็วการอ่านให้เข้ากับจังหวะโฟกัสของตัวเองได้ อีกทั้งยังมี “โหมดโฟกัส” ที่หรี่ทุกอย่างยกเว้นบรรทัดหรือย่อหน้าปัจจุบัน เพื่อคงสมาธิได้ต่อเนื่อง

Tiimo

Tiimo เป็นแอปวางแผนรายวันและบริหารเวลาผ่านภาพ ออกแบบมาสำหรับผู้มีความหลากหลายทางประสาท (neurodivergent) รวมถึงผู้ที่มี ADHD แม้ไม่ใช่แอปอ่านหนังสือโดยตรง แต่ก็ช่วย ADHD reader วางโครงเวลาอ่าน ตั้งเป้าหมายที่ทำได้จริง และรักษาวินัยในกิจวัตร อินเทอร์เฟซใช้ไอคอน สี และตัวจับเวลาภาพเพื่อแบ่งการอ่านเป็นช่วงย่อยที่ทำได้จริง พร้อมแจ้งเตือนและตัวกระตุ้นเพื่อพยุงสมาธิ 

Genio

Genio เป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่ใช้ AI ปรับการอ่านและ ความเข้าใจ ให้เหมาะกับ นักเรียน ที่มี ADHD และความแตกต่างทางการเรียนรู้ ช่วยแปลงข้อความซับซ้อนให้เป็นภาษาที่ชัดและเข้าใจง่ายขึ้น พร้อมสร้าง บทสรุป และคำถามวัด ความเข้าใจ แพลตฟอร์มชวนให้อ่านอย่างมีส่วนร่วม แทนการกวาดตาผ่านๆ Genio มีระบบฟีดแบ็กแบบปรับตามตัว ตรวจจับช่องโหว่ด้าน ความเข้าใจ และหนุนช่วยแบบตรงจุด 

Actively Learn

Actively Learn เปลี่ยนการอ่านให้โต้ตอบได้ โดยฝังคำถามวัด ความเข้าใจ คำนิยามคำศัพท์ และหัวข้ออภิปรายไว้ในข้อความดิจิทัลโดยตรง แนวทางนี้ช่วยให้ ADHD reader มีส่วนร่วมมากขึ้น ด้วยการแบ่งย่อหน้ายาวๆ เป็นช่วงที่ทำได้จริง แพลตฟอร์มรองรับการจดโน้ต การไฮไลต์ และ text to speech เพื่อการเรียนรู้แบบหลายประสาทสัมผัส ครูยังสามารถติดตามความคืบหน้าและปรับแต่งการอ่านให้สอดคล้องกับช่วงสมาธิและระดับทักษะของนักเรียนแต่ละคน 

Rewordify

Rewordify แปลงข้อความซับซ้อนให้เป็นภาษาง่ายและเข้าถึงได้ เพื่อช่วยผู้อ่านที่มี ADHD รักษาสมาธิและเข้าใจเนื้อหาได้เร็วขึ้น ผู้ใช้สามารถวางข้อความลงในเว็บไซต์ แล้วระบบจะแทนคำศัพท์ยากด้วยคำที่ง่ายกว่า โดยยังคงความหมายเดิม ยังมีการไฮไลต์สีและให้คำนิยามทันที เพื่อลดภาระทางใจจากการต้องหยุดค้นหาคำศัพท์ หน้าตาเรียบสะอาดไร้สิ่งรบกวนของ Rewordify ทำให้ไล่อ่านได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะคนที่มีปัญหากับย่อหน้ายาวและแน่น 

FAQ

เครื่องมืออ่านแบบไหนดีที่สุดสำหรับผู้ที่มี ADHD?

เครื่องมืออ่านยอดนิยมสำหรับผู้ที่มี ADHD ได้แก่ Speechify สำหรับการฟังแทนการอ่าน, Helperbird สำหรับการปรับการตั้งค่าโฟกัสได้ตามใจ และ Bionic Reading สำหรับการช่วยนำสายตาให้ตามคำได้ง่าย

เครื่องมืออ่านสำหรับ ADHD ช่วยลดสิ่งรบกวนเวลาเรียนได้ไหม?

ได้, Speechify ช่วยลดภาระทางสายตาโดยแปลง text to speech ขณะที่ FocusEx และ ADHD Reader ช่วยกวาดความรกดิจิทัล ให้ประสบการณ์อ่านแบบไร้สิ่งรบกวน

เครื่องมือนี้ช่วยเพิ่มความเข้าใจในการอ่านสำหรับผู้มีภาวะ ADHD ได้ไหม?

แน่นอน; Speechify เสริมความเข้าใจด้วย การแปลงข้อความเป็นเสียง ไฮไลท์ที่ซิงก์กับเสียงอ่าน และ บทสรุปด้วย AI ขณะที่ Mindgrasp หรือ Genio ช่วยย่อยข้อความยาว ๆ ให้เป็นส่วนเล็ก ๆ ที่จัดการและตามอ่านได้ง่ายขึ้น

เทคโนโลยีแปลงข้อความเป็นเสียงช่วยให้ผู้อ่านที่มีภาวะ ADHD มีสมาธิดีขึ้นได้จริงไหม?

แน่นอน; ด้วยการเปลี่ยนข้อความนิ่งให้เป็นเสียงที่ชวนฟัง Speechify ช่วยให้ผู้มี ADHD หรือมีความคิดว้าวุ่น/อยู่นิ่งยาก รับข้อมูลได้ระหว่าง ทำงานหลายอย่างพร้อมกัน หรือขณะเคลื่อนไหว 

เครื่องมือไหนช่วยแบ่งการอ่านเป็นส่วนเล็ก ๆ ที่จัดการได้สำหรับผู้มีภาวะ ADHD?

Mindgrasp, Actively Learn และ FocusEx สนับสนุนการอ่านแบบแบ่งเป็นช่วง โดยแยกข้อความเป็นส่วน ๆ สรุปใจความ และตั้งช่วงเวลาอ่าน เพื่อช่วยลดภาระทางการรับรู้

เพลิดเพลินกับเสียง AI ที่ล้ำสมัยที่สุด ไฟล์ไม่จำกัด และการสนับสนุนตลอด 24/7

ทดลองฟรี
tts banner for blog

แชร์บทความนี้

Cliff Weitzman

Cliff Weitzman

ซีอีโอ/ผู้ก่อตั้ง Speechify

คลิฟฟ์ ไวท์ซ์แมน เป็นผู้ขับเคลื่อนสิทธิผู้มีภาวะดิสเล็กเซีย และดำรงตำแหน่งซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Speechify แอปแปลงข้อความเป็นเสียงอันดับ 1 ของโลก ที่กวาดรีวิว 5 ดาวกว่า 100,000 รายการ และเคยครองอันดับ 1 ใน App Store หมวดข่าวสารและนิตยสาร ในปี 2017 ไวท์ซ์แมนติดโผ Forbes 30 Under 30 จากผลงานผลักดันให้โลกออนไลน์เข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ผลงานของคลิฟฟ์ ไวท์ซ์แมนถูกกล่าวถึงในสื่อชั้นนำอย่าง EdSurge, Inc., PC Mag, Entrepreneur, Mashable และอีกมากมาย

speechify logo

เกี่ยวกับ Speechify

#1 โปรแกรมอ่านข้อความเป็นเสียง

Speechify เป็นแพลตฟอร์ม แปลงข้อความเป็นเสียง ชั้นนำของโลกที่มีผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคน และได้รับรีวิวระดับ 5 ดาวมากกว่า 500,000 รีวิวในแอปพลิเคชัน iOS, Android, Chrome Extension, เว็บแอป และ แอปบน Mac ในปี 2025 Apple ได้มอบรางวัล Apple Design Award อันทรงเกียรติให้กับ Speechify ในงาน WWDC โดยกล่าวว่าเป็น “ทรัพยากรสำคัญที่ช่วยให้ผู้คนใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น” Speechify มีเสียงธรรมชาติกว่า 1,000 เสียงใน 60+ ภาษา และมีผู้ใช้งานในเกือบ 200 ประเทศ เสียงคนดังที่มีให้เลือกใช้งาน เช่น Snoop Dogg, Mr. Beast และ Gwyneth Paltrow สำหรับผู้สร้างสรรค์และธุรกิจ Speechify Studio มีเครื่องมือขั้นสูง เช่น AI Voice Generator, AI Voice Cloning, AI Dubbing และ AI Voice Changer Speechify ยังสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชั้นนำด้วย Text to Speech API ที่มีคุณภาพสูงและคุ้มค่า นอกจากนี้ยังได้รับการนำเสนอใน The Wall Street Journal, CNBC, Forbes, TechCrunch และสื่อชั้นนำอื่น ๆ Speechify เป็นผู้ให้บริการแปลงข้อความเป็นเสียงที่ใหญ่ที่สุดในโลก เยี่ยมชม speechify.com/news, speechify.com/blog และ speechify.com/press เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม