1. หน้าแรก
  2. TTS
  3. วิธีดึงภาพจาก PDF
TTS

วิธีดึงภาพจาก PDF

การดึงภาพจากไฟล์ PDF บางครั้งอาจรู้สึกเหมือนเป็นการแก้ปริศนา ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียนที่ทำโปรเจกต์ มืออาชีพที่เตรียมพรีเซนเทชั่น...

Cliff Weitzman

คลิฟ ไวซ์แมน

ซีอีโอ/ผู้ก่อตั้ง Speechify

post cover
ฟังบทความนี้ด้วย Speechify!
Speechify

การดึงภาพจากไฟล์ PDF บางครั้งอาจรู้สึกเหมือนเป็นการแก้ปริศนา

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียนที่ทำโปรเจกต์ มืออาชีพที่เตรียมพรีเซนเทชั่น หรือแค่คนที่พยายามจัดระเบียบเนื้อหาดิจิทัล การรู้วิธีดึงภาพจากเอกสาร PDF เป็นทักษะที่มีประโยชน์

คู่มือนี้จะพาคุณผ่านเหตุผลและวิธีการดึงภาพจาก PDF พูดคุยเกี่ยวกับเครื่องมือที่คุณสามารถใช้ และให้คำแนะนำเพื่อทำให้กระบวนการราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

ทำไมต้องดึงภาพจาก PDF?

ลองนึกภาพว่าคุณกำลังทำงานกับไฟล์ PDF ที่เต็มไปด้วยกราฟิกที่สวยงามหรือแผนภูมิข้อมูลที่สำคัญ คุณต้องการนำภาพเหล่านี้ไปใช้ในพรีเซนเทชั่น PowerPoint หรือบันทึกไว้เพื่อใช้อ้างอิงในอนาคต

การดึงภาพจากหน้า PDF เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด ช่วยให้คุณนำเนื้อหาไปใช้ซ้ำได้โดยไม่ต้องสร้างใหม่

ไม่ว่าจะเป็นภาพในรูปแบบ jpeg, png หรือ tiff การดึงภาพจาก PDF ช่วยให้คุณประหยัดเวลาและรักษาคุณภาพของภาพต้นฉบับ

กระบวนการนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับนักเรียนที่รวบรวมงานวิจัยหรือมืออาชีพที่เตรียมรายงานรายละเอียด

ขั้นตอนการดึงภาพทีละขั้นตอน

วิธีการดึงภาพจาก PDF อาจแตกต่างกันไป แต่เรามาแบ่งเป็นขั้นตอนละเอียดกัน:

ขั้นตอนที่ 1: การดึงพื้นฐานสำหรับความต้องการง่ายๆ

หากความต้องการของคุณไม่ซับซ้อน เช่น การดึงภาพเดียว เริ่มต้นด้วย โปรแกรมอ่าน pdfพื้นฐาน คลิกขวาที่ภาพที่ต้องการในเอกสาร PDF

โปรแกรมอ่านส่วนใหญ่จะมีตัวเลือก 'บันทึกภาพเป็น' ให้คุณดาวน์โหลดไฟล์ภาพลงคอมพิวเตอร์โดยตรง คุณสามารถเลือกรูปแบบเช่น jpg หรือ png ตามความต้องการของคุณ

ขั้นตอนที่ 2: ใช้เครื่องมือขั้นสูงสำหรับ PDF ที่ซับซ้อน

เมื่อจัดการกับ PDF ที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะที่มีภาพหลายภาพหรือองค์ประกอบลายน้ำ การใช้โปรแกรมดึงภาพจาก PDF หรือโปรแกรมแก้ไข PDF ที่ครอบคลุมเช่น Adobe Acrobat เป็นสิ่งจำเป็น

เครื่องมือขั้นสูงเหล่านี้ไม่เพียงช่วยในการดึงภาพ แต่ยังมีฟีเจอร์เพิ่มเติมอีกด้วย 

เช่น เทคโนโลยี OCR ที่สามารถใช้ดึงข้อความจากภาพใน PDF นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกในการแก้ไขไฟล์ PDF ให้คุณควบคุมผลลัพธ์สุดท้ายได้มากขึ้น

ขั้นตอนที่ 3: ตรวจสอบคุณภาพและรูปแบบของภาพ

หลังจากดึงภาพแล้ว ควรตรวจสอบคุณภาพของภาพให้แน่ใจว่าภาพชัดเจนและไม่แตก โดยเฉพาะถ้าจะใช้ในรูปแบบความละเอียดสูง

นอกจากนี้ ควรยืนยันว่ารูปแบบของภาพ (jpeg, png, tiff) เหมาะสมกับการใช้งานที่ตั้งใจไว้ หากคุณภาพหรือรูปแบบของภาพไม่เป็นที่พอใจ ลองปรับการตั้งค่าในเครื่องมือ PDF ของคุณหรือใช้วิธีการดึงที่แตกต่างกัน

ขั้นตอนที่ 4: จัดระเบียบและตั้งชื่อภาพของคุณ

เมื่อดึงภาพออกมาแล้ว ควรจัดระเบียบภาพของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งชื่อไฟล์ภาพแต่ละไฟล์ให้มีความหมาย เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาและใช้งานในภายหลัง

ขั้นตอนนี้สำคัญอย่างยิ่งหากคุณทำงานกับภาพจำนวนมาก เพราะจะช่วยป้องกันความสับสนและประหยัดเวลาเมื่อคุณต้องการเรียกใช้ภาพเหล่านี้ในอนาคต

5 เครื่องมือยอดนิยมสำหรับดึงภาพจาก PDF

เมื่อคุณต้องการดึงภาพออกจาก PDF การมีเครื่องมือที่เหมาะสมสามารถทำให้ทุกอย่างแตกต่างได้ นี่คือ 5 ตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม แต่ละตัวมีจุดแข็งของตัวเอง เพื่อช่วยให้คุณดึงภาพได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ

1. Adobe Acrobat

Adobe Acrobat ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสำหรับดู PDF เท่านั้น แต่ยังเป็นโปรแกรมแก้ไขที่ทรงพลังที่ทำให้การดึงภาพและหน้าจากเอกสาร PDF เป็นเรื่องง่าย

ด้วยอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย คุณสามารถเลือก 'เครื่องมือเลือก' เพื่อระบุภาพที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ 

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ในการแปลง PDF เป็นรูปแบบต่างๆ เช่น HTML หรือ Excel ทำให้เป็นตัวเลือกที่หลากหลายสำหรับงานต่างๆ

2. PDF Image Extractor

ตามชื่อของมัน PDF Image Extractor ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อดึงภาพออกจากไฟล์ PDF โดยเฉพาะ ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องมือที่เน้นการดึงภาพเท่านั้น

เครื่องมือนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ทำโปรเจกต์และต้องการบันทึกรูปภาพอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องยุ่งยากกับฟีเจอร์ซับซ้อนอื่น ๆ

3. Photoshop

Photoshop เป็นที่รู้จักในด้านการแก้ไขภาพ แต่ยังยอดเยี่ยมในการดึงภาพจาก PDF ด้วย

หากคุณต้องการคุณภาพของภาพสูงและความสามารถในการปรับแต่งภาพหลังจากการดึง Photoshop เป็นตัวเลือกที่ดี

เหมาะอย่างยิ่งสำหรับมืออาชีพในด้านการออกแบบกราฟิกหรือการถ่ายภาพที่ต้องการควบคุมภาพอย่างละเอียด

4. ตัวแปลง PDF ออนไลน์

หากคุณไม่มีซอฟต์แวร์มืออาชีพ ตัวแปลง PDF ออนไลน์เป็นตัวช่วยชีวิต เครื่องมือเหล่านี้ทำงานได้โดยตรงในเว็บเบราว์เซอร์ของคุณและไม่ต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเมื่อโหลดแล้ว

เหมาะสำหรับงานด่วน เช่น การแปลง PDF เป็น JPG หรือการดึงภาพเดียว นอกจากนี้ยังมักมีบทเรียนแนะนำการใช้งาน ทำให้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น

5. เครื่องมือ Microsoft Office

Microsoft Office อาจไม่ใช่สิ่งแรกที่คุณนึกถึงสำหรับการดึงภาพ แต่เครื่องมืออย่าง Word และ PowerPoint มีวิธีการที่ไม่เหมือนใคร พวกเขาสามารถแปลงหน้าของ PDF เป็นรูปแบบที่แก้ไขได้ ทำให้คุณสามารถดึงภาพได้

วิธีนี้มีประโยชน์โดยเฉพาะหากคุณวางแผนจะใช้ภาพในงานนำเสนอ PowerPoint หรือจำเป็นต้องรวมเข้ากับเอกสาร Word เป็นเคล็ดลับที่มีประโยชน์สำหรับนักเรียนและมืออาชีพ

การดึงภาพจาก PDF บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ

กระบวนการดึงภาพอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้ Windows, Mac, Linux, iOS หรือ Android

ผู้ใช้ Windows อาจพบว่าการใช้เครื่องมืออย่าง Adobe Acrobat หรือ Microsoft Office ง่ายกว่า ในขณะที่ผู้ใช้ Mac มีตัวเลือกในการใช้ Preview ซึ่งเป็นเครื่องมือในตัวที่สามารถดึงภาพได้

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบ Linux มีเครื่องมือบรรทัดคำสั่งให้ใช้งาน และสำหรับผู้ที่ใช้แพลตฟอร์มมือถืออย่าง iOS และ Android มีแอปต่าง ๆ ที่มีฟังก์ชันการดึงภาพได้ทุกที่

การแก้ไขปัญหาทั่วไป

ปัญหาทั่วไป ได้แก่ ปัญหาคุณภาพของภาพหรือขนาดไฟล์เมื่อดึง บางครั้งภาพที่ดึงอาจไม่บันทึกในรูปแบบภาพที่ต้องการ หรือชื่อไฟล์อาจสับสน

เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ สิ่งสำคัญคือต้องปรับการตั้งค่าความละเอียดในเครื่องมือ PDF ของคุณก่อนการดึง เนื่องจากสิ่งนี้สามารถส่งผลโดยตรงต่อความชัดเจนและขนาดของภาพที่ดึง

หากคุณพบปัญหาในการบันทึกรูปแบบ ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารูปแบบเอาต์พุตถูกเลือกอย่างถูกต้องในการตั้งค่าของเครื่องมือ

สำหรับการจัดการขนาดไฟล์ ให้มองหาฟีเจอร์การบีบอัดภายในเครื่องมือดึงของคุณที่สามารถลดขนาดได้โดยไม่ลดทอนคุณภาพมากนัก

สุดท้าย เพื่อหลีกเลี่ยงการสับสนของชื่อไฟล์ ให้ใช้การตั้งชื่ออย่างเป็นระบบระหว่างกระบวนการดึงหรือเปลี่ยนชื่อไฟล์ทันทีหลังจากการดึงเพื่อให้ง่ายต่อการระบุและจัดระเบียบ

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดและเคล็ดลับ

  • ตรวจสอบคุณภาพของภาพหลังการดึงเสมอและตรวจสอบให้แน่ใจว่าตรงตามความต้องการของคุณ
  • ระวังขนาดไฟล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณทำงานกับเอกสาร PDF ขนาดใหญ่
  • หากคุณดึงภาพหลายภาพ ให้จัดระเบียบอย่างเหมาะสมและใส่คำอธิบายประกอบหากจำเป็น
  • ระวังราคาของเครื่องมือต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณพิจารณาตัวเลือกพรีเมียม
  • อย่าลืมเคารพลิขสิทธิ์และใช้ภาพที่ดึงมาอย่างมีจริยธรรม

การดึงภาพจาก PDF ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน ด้วยเครื่องมือที่เหมาะสมและความรู้เล็กน้อย คุณสามารถบันทึกภาพที่สมบูรณ์แบบสำหรับโปรเจกต์ งานนำเสนอ หรือคลังส่วนตัวของคุณ

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียน มืออาชีพ หรือเพียงแค่คนที่ชอบจัดระเบียบเนื้อหาดิจิทัล การฝึกฝนทักษะนี้สามารถทำให้ชีวิตดิจิทัลของคุณง่ายขึ้นเล็กน้อย

Speechify Text to Speech: เพิ่มประสบการณ์ PDF ของคุณ

คุณเคยคิดที่จะฟัง PDF ของคุณแทนการอ่านหรือไม่? Speechify Text to Speech เป็นตัวเปลี่ยนเกมในด้านนี้

มันเป็นเครื่องมือที่หลากหลายมากที่ทำงานได้บนหลายแพลตฟอร์ม รวมถึง iOS, Android, PC, และ Mac. ไม่เพียงแค่อ่านข้อความจาก PDF ของคุณ แต่ยังรองรับหลายภาษา ทำให้เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่หลากหลาย

ลองจินตนาการว่ามีข้อความ PDF ที่คุณดึงออกมาอ่านให้ฟังด้วยเสียงที่ชัดเจนและเป็นธรรมชาติขณะที่คุณทำงานหลายอย่างพร้อมกัน ทำไมไม่ลองใช้ Speechify Text to Speech และสัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการโต้ตอบกับ PDF ของคุณ?

คำถามที่พบบ่อย

ฉันสามารถถ่ายภาพหน้าจอเพื่อดึงภาพจาก PDF ได้หรือไม่?

ได้แน่นอน! การถ่ายภาพหน้าจอเป็นวิธีที่ง่ายในการดึงภาพจาก PDF โดยเฉพาะถ้า PDF นั้นเรียบง่ายและไม่มีการจัดรูปแบบที่ซับซ้อนมาก

วิธีนี้ทำงานได้ดีเมื่อคุณต้องการบันทึกส่วนเล็ก ๆ ของหน้า PDF อย่างรวดเร็ว แต่จำไว้ว่าภาพหน้าจออาจไม่ให้ภาพที่ชัดเจนหรือคมชัดที่สุด โดยเฉพาะถ้าคุณต้องการคุณภาพสูงมาก

สามารถดึงออกมาแค่ไม่กี่หน้าจาก PDF ได้หรือไม่?

ได้แน่นอน! ถ้าคุณต้องการแค่ไม่กี่หน้าจาก PDF มีเครื่องมือที่ให้คุณเลือกและดึงออกมาเฉพาะหน้านั้น ๆ

นี่มีประโยชน์มากเมื่อคุณไม่ต้องการเอกสารทั้งหมด แต่แค่บทหรือส่วนที่มีภาพหรือแผนภาพสำคัญ

คุณสามารถบันทึกหน้านี้เป็นไฟล์ PDF ใหม่ที่เล็กลง หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนเป็นไฟล์ประเภทอื่นเช่นภาพ

จะเก็บหมายเลขหน้าไว้ได้อย่างไรเมื่อดึงภาพจาก PDF?

เมื่อคุณดึงภาพออกจาก PDF หมายเลขหน้ามักจะไม่ติดมาด้วย นั่นเป็นเพราะหมายเลขหน้าเป็นส่วนหนึ่งของการตั้งค่า PDF ไม่ใช่ภาพเอง

ถ้าคุณต้องการจำว่าภาพมาจากหน้าที่เท่าไหร่ คุณสามารถใช้เครื่องมือแก้ไข PDF เพื่อเขียนหมายเลขหน้าลงบนภาพหลังจากที่ดึงออกมา

หรือถ้าคุณดึงออกมาทั้งหน้าเป็นภาพ หมายเลขหน้าจะอยู่แล้วเป็นส่วนหนึ่งของหน้า

เพลิดเพลินกับเสียง AI ที่ล้ำสมัยที่สุด ไฟล์ไม่จำกัด และการสนับสนุนตลอด 24/7

ลองใช้ฟรี
tts banner for blog

แชร์บทความนี้

Cliff Weitzman

คลิฟ ไวซ์แมน

ซีอีโอ/ผู้ก่อตั้ง Speechify

คลิฟ ไวซ์แมน เป็นผู้สนับสนุนผู้มีภาวะดิสเล็กเซียและซีอีโอผู้ก่อตั้ง Speechify แอปพลิเคชันแปลงข้อความเป็นเสียงอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งได้รับรีวิว 5 ดาวมากกว่า 100,000 ครั้ง และครองอันดับหนึ่งในหมวดข่าวและนิตยสารบน App Store ในปี 2017 ไวซ์แมนได้รับการยกย่องในรายชื่อ Forbes 30 under 30 จากผลงานของเขาที่ทำให้อินเทอร์เน็ตเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้ที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้ คลิฟ ไวซ์แมน ได้รับการนำเสนอในสื่อชั้นนำต่างๆ เช่น EdSurge, Inc., PC Mag, Entrepreneur, Mashable เป็นต้น