คุณอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ The Lost Daughter ไหม? อ่านต่อเพื่อสำรวจเนื้อเรื่องและตัวละครของนวนิยายนี้ พร้อมทั้งรีวิวของเราเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้

รีวิว The Lost Daughter

หลายคนชื่นชอบ แนวลึกลับ เพราะพวกเขาชอบความตื่นเต้นจนถึงตอนจบ ถ้าคุณชอบแนวลึกลับ คุณควรสำรวจ The Lost Daughter โดย Elena Ferrante

Elena Ferrante เป็นนามปากกาของ นักเขียนชาวอิตาลี ที่เชื่อว่าการไม่เปิดเผยตัวตนเป็นกุญแจสำคัญในกระบวนการเขียนของเธอ ไม่มีใครรู้ว่า Ferrante คือใครและหน้าตาเป็นอย่างไร ยกเว้นผู้จัดพิมพ์ของเธอ

ที่นี่เราจะรีวิวหนังสือที่มีชื่อเสียงที่สุดของเธอ The Lost Daughter.

The Lost Daughter เกี่ยวกับอะไร?

The Lost Daughter เน้นไปที่ Leda ศาสตราจารย์ภาษาอังกฤษวัยกลางคนในฟลอเรนซ์ อิตาลี หลังจากที่ลูกสาวสองคนของเธอ Marta และ Bianca ย้ายไปโตรอนโตเพื่ออยู่กับพ่อของพวกเธอ Gianni Leda ตัดสินใจให้ตัวเองได้พักผ่อน

เธอไปที่ชายฝั่งไอโอเนียนในช่วงฤดูร้อนและเช่าอพาร์ตเมนต์ที่น่ารัก Leda สร้างกิจวัตรที่เธอไปชายหาดทุกวันและมักจะพกหนังสือและเอกสารไปด้วย แต่แทนที่จะทำงาน Leda มักจะ ศึกษาผู้คน คนอื่นๆ บนชายหาด

ผู้คนเหล่านี้กระตุ้นความทรงจำต่างๆ จากชีวิตของ Leda หรือเธอฉายอารมณ์และความคิดของเธอไปยังพวกเขา วันหนึ่ง ครอบครัวใหญ่จากเนเปิลส์ปรากฏตัวขึ้น ทำให้ Leda นึกถึงวัยเด็กของเธอเอง Leda มุ่งเน้นไปที่แม่หนุ่มสาว Nina และลูกสาวของเธอ Elena

ขณะสังเกตครอบครัวชาวเนเปิลส์นี้ Leda นึกถึงวัยเด็กที่ไม่มีความสุขของเธอ โดยเฉพาะวิธีที่ทั้งแม่และลุงของเธอมีความ "รุนแรง" บางอย่าง และแม่ของเธอมักขู่ว่าจะทิ้งเธอ

วันหนึ่ง ขณะสังเกตครอบครัว Leda ตระหนักว่า Elena ลูกสาวคนเล็กของ Nina หายไป เธอเข้าร่วมการค้นหาและในที่สุดก็ช่วยหาเธอได้ การหายตัวไปของ Elena ทำให้ Leda นึกถึงตอนที่น้องสาวของเธอ Bianca หายไปเมื่อพวกเขายังเด็ก เธอเล่าเรื่องเกี่ยวกับ Bianca ให้ Rosaria น้องสะใภ้ของ Nina ฟัง

ในขณะเดียวกัน Elena รู้สึกไม่พอใจเพราะเธอหาตุ๊กตาของเธอ Nani ไม่เจอ เมื่อ Leda ออกจากชายหาด เธอเผยว่าเธอมีตุ๊กตาอยู่ในกระเป๋า และนี่กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของเนื้อเรื่อง Leda กลายเป็นหมกมุ่นกับตุ๊กตา และความทรงจำของเธอเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินเรื่อง

รีวิวของเราเกี่ยวกับ The Lost Daughter

The Lost Daughter เน้นไปที่อดีตทางอารมณ์ของ Leda ตลอดทั้งเล่ม เธอพูดถึงความสัมพันธ์ที่แย่กับแม่ของเธอ ซึ่งทิ้งร่องรอยไว้ในบุคลิกภาพของเธอ

ในขณะเดียวกัน Leda พิจารณาความสัมพันธ์ของเธอกับลูกสาวของเธอเองและวิธีที่เธอทิ้งพวกเขาไปเมื่อพวกเขายังเด็กเพราะเธอมีชู้ เมื่อ Leda ค้นพบการนอกใจของ Nina เธอรู้สึกเชื่อมโยงกับเธอทันที

Leda เล่าเรื่องจากมุมมองของผู้หญิงที่หย่าร้างซึ่ง ลูกๆ ออกจากบ้าน และเธอไม่มีใครอื่นในชีวิต สิ่งนี้ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจความเศร้าของเธอ เมื่อพูดถึง การบรรยาย Leda มักจะหลงอยู่ในความทรงจำของเธอ

เมื่อเรื่องราวดำเนินไป การบรรยายของ Leda กลายเป็นไม่น่าเชื่อถือมากขึ้น จนถึงจุดที่เธอบอกว่าเธอไม่สามารถเข้าใจตัวเองได้และพยายามหาข้อแก้ตัวในการเก็บตุ๊กตาของ Elena

Leda มีลักษณะที่ไม่น่าชื่นชอบหลายอย่าง เธอพัฒนาความหมกมุ่นที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ยึดติด ไม่มีความสุข และติดอยู่ในอดีต อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้หนังสือเล่มนี้น่าจดจำคือ ผู้เขียน สามารถทำให้ตัวละครหลักมีความสัมพันธ์และน่าเชื่อถือ แม้จะมีข้อบกพร่องของเธอ

ผ่านการย้อนความทรงจำอย่างต่อเนื่อง ผู้อ่านสามารถหาคำอธิบายสำหรับการกระทำของ Leda และเข้าใจเธอในบางระดับ มีผู้หญิงที่ไม่สามารถรับมือกับการเป็นแม่ได้ ผู้หญิงที่นอกใจ และผู้หญิงที่ตะโกนใส่ลูกของพวกเธอในเรื่องเล็กน้อย หนังสือเล่มนี้ทำได้ดีในการเป็นตัวแทนของผู้หญิงเหล่านี้และพูดคุยเกี่ยวกับตัวละครของพวกเธอ

อย่างไรก็ตาม ผู้อ่านหลายคนไม่ชอบที่ Leda ดูเหมือนจะบ่นในบางช่วงเวลา เธอจมอยู่กับอดีตและมักถูกพรรณนาว่าเป็นคนดราม่าเกินไป ซึ่งทำให้การพัฒนาเนื้อเรื่องช้าลงสำหรับผู้อ่านบางคน

อย่างไรก็ตาม นวนิยายของ Ferrante เป็นการอ่านที่แปลกและน่าสนใจ

ถ้าคุณชอบงานเขียนของ Ferrante คุณควรลองอ่านนวนิยายเรื่องอื่นๆ ของเธอ บางเล่มที่ดีที่สุดของ Ferrante คือ Days of Abandonment, Fragments (Frantumaglia), และ Troubling Love.

คุณควรอ่านซีรีส์นวนิยาย Neapolitan สี่เล่มของเธอด้วย: My Brilliant Friend, The Story of a New Name, Those Who Leave and Those Who Stay, และ The Story of the Lost Child. ทั้งสี่เล่มแปลโดย Ann Goldstein และจัดพิมพ์โดย Europa Editions.

หนังสือหลายเล่มของ Ferrante ติดอันดับขายดีของ New York Times.

ฟังนิยายดีๆ บน Speechify Audiobooks

หลายคนอยากเพลิดเพลินกับหนังสือแต่ไม่มีเวลาพอ ถ้าคุณเป็นหนึ่งในนั้น คุณจะต้องชอบ Speechify Audiobooks แพลตฟอร์มนี้ให้คุณเข้าถึง หนังสือหลายพันเล่ม ที่อ่านโดยผู้เขียนเองหรือผู้บรรยายมืออาชีพ.

นอกจากนี้ Speechify Audiobooks ยังมีฟีเจอร์ที่สะดวกสบายมากมายที่ทำให้ประสบการณ์ของคุณดียิ่งขึ้น เช่น การตั้งเวลาปิดเสียง ปรับความเร็วในการเล่น และอื่นๆ อีกมากมาย สามารถใช้งานได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ ทำให้คุณเพลิดเพลินได้ทุกที่

ลองใช้ Speechify Audiobooks ตอนนี้ แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมคนหลายล้านคนถึงชอบมัน

คำถามที่พบบ่อย

ประเด็นหลักของ The Lost Daughter คืออะไร?

หลายคนเห็นด้วยว่าประเด็นหลักของ The Lost Daughter คือคุณไม่ควรให้อดีตควบคุมคุณ

ชื่อเรื่อง The Lost Daughter หมายถึงอะไร?

ลูกสาวที่หายไปสามารถมีความหมายหลายอย่าง มันอาจหมายถึง Elena เด็กหญิงที่หลงทางที่ชายหาด ในขณะเดียวกัน ชื่อเรื่องอาจหมายถึง Leda เอง ชีวิตวัยเด็กที่เจ็บปวด และความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับแม่ของเธอ ชื่อเรื่องยังสามารถเป็นสัญลักษณ์ของลูกสาวของ Leda ได้อีกด้วย

อะไรทำให้เรื่องราวของ Leda น่าสนใจ?

เรื่องราวของ Leda อาจเป็นตัวอย่าง (ที่รุนแรง) ของสิ่งที่แม่ทุกคนต้องเผชิญ ในด้านหนึ่ง แม่ต้องการเวลาสำหรับตัวเอง ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง พวกเขาต้องการใช้เวลาทุกนาทีกับลูกๆ ของพวกเขา

ผ่านเรื่องราวและความทรงจำในวัยเด็กของ Lena เราได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอดีตและวัยเด็กของเธอ ซึ่งทำให้เรื่องราวของเธอน่าสนใจยิ่งขึ้น บางคนอาจกล่าวว่าอดีตของเธอเป็นเหตุผลให้การกระทำของเธอในบางระดับ

มีรายการทีวีหรือภาพยนตร์เรื่อง The Lost Daughter หรือไม่?

มีภาพยนตร์ชื่อเดียวกันบน Netflix ออกฉายในปี 2021 และมีนักแสดง Dakota Johnson, Olivia Colman, Jessie Buckley, Ed Harris, Paul Mescal และ Peter Sarsgaard ภาพยนตร์กำกับโดย Maggie Gyllenhaal และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สามรางวัล

โปรดทราบว่ามันมีสปอยล์จากหนังสือ แต่แตกต่างจากหนังสือในบางองค์ประกอบ เช่น ภาพยนตร์ตั้งอยู่บนเกาะกรีก

มีหนังสือเสียงเรื่อง The Lost Daughter หรือไม่?

ใช่ มีเวอร์ชันเสียงของ The Lost Daughter.