Social Proof

ถอดรหัสความหมาย TTS: การเดินทางผ่านวิวัฒนาการของเทคโนโลยีแปลงข้อความเป็นเสียง

Speechify เป็นโปรแกรมอ่านเสียงอันดับ 1 ของโลก อ่านหนังสือ เอกสาร บทความ PDF อีเมล - ทุกอย่างที่คุณอ่าน - ได้เร็วขึ้น

แนะนำใน

forbes logocbs logotime magazine logonew york times logowall street logo

ฟังบทความนี้ด้วย Speechify!
Speechify

คุณอาจเคยได้ยินคำว่า 'TTS' บ่อยครั้ง โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงอุปกรณ์เทคโนโลยีล่าสุดหรือเครื่องมือดิจิทัล แต่ลองหยุดสักครู่...

คุณอาจเคยได้ยินคำว่า 'TTS' บ่อยครั้ง โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงอุปกรณ์เทคโนโลยีล่าสุดหรือเครื่องมือดิจิทัล แต่ลองหยุดสักครู่แล้วถามตัวเองว่า: จริงๆ แล้ว TTS ย่อมาจากอะไร?

มันเกี่ยวกับการแปลงข้อความเป็นเสียง ซึ่งเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่น่าทึ่งที่เปลี่ยนแปลงวิธีการใช้เครื่องมือดิจิทัลและการเข้าถึงข้อมูลของเราอย่างสิ้นเชิง ในบทความนี้ เราจะพาคุณดำดิ่งสู่โลกของ TTS.

เราจะสำรวจรากฐานของมัน แกะกลไกการทำงาน ดูวิธีการใช้งานต่างๆ และแม้กระทั่งแอบมองอนาคตที่น่าตื่นเต้นที่มันกำลังมุ่งหน้าไป 

ดังนั้น เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางที่น่าสนใจสู่หัวใจของเทคโนโลยีแปลงข้อความเป็นเสียง!

เทคโนโลยีแปลงข้อความเป็นเสียงคืออะไร

ลองจินตนาการถึงเครื่องมือที่สามารถอ่านออกเสียงข้อความที่เขียนไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือบทความออนไลน์ นั่นคือสิ่งที่ เทคโนโลยีแปลงข้อความเป็นเสียง (TTS) ทำได้

มันเป็นเครื่องมือดิจิทัลที่น่าทึ่งที่เปลี่ยนคำที่เขียนเป็นคำพูด เทคโนโลยีนี้กำลังกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเรา 

ตัวอย่างเช่น มันอ่าน 'คำศัพท์ประจำวัน' ในแอปเรียนรู้ภาษาและให้คำแนะนำเสียงในสมาร์ทโฟนของเรา

แต่ TTS ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือที่สะดวก มันยังเป็นความช่วยเหลือที่สำคัญสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการมองเห็นหรือการอ่าน มันเปิดโลกของข้อมูลให้กับพวกเขา ทำให้ชีวิตของพวกเขาง่ายขึ้นและเชื่อมต่อมากขึ้น

การพัฒนาทางประวัติศาสตร์ของเทคโนโลยี TTS

เรื่องราวของเทคโนโลยี TTS เป็นเรื่องของการเติบโตและแนวคิดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง มันเริ่มต้นมานานแล้วด้วยสิ่งที่เรียกว่า teletypesetter ซึ่งเป็นวิธีการส่งข้อความในยุคแรกๆ

แต่ TTS ที่เรารู้จักในปัจจุบัน ซึ่งเปลี่ยนข้อความเป็นเสียง เริ่มพัฒนาจริงๆ ด้วยการสร้างเสียงดิจิทัล เมื่อเวลาผ่านไป เทคโนโลยีนี้ก็พัฒนาขึ้นมาก

ตอนนี้ เสียงที่สร้างขึ้นฟังดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นและน้อยลงเหมือนหุ่นยนต์ บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ อย่าง Microsoft และ Apple มีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ พวกเขาได้ใส่ TTS ลงในโปรแกรมและอุปกรณ์ต่างๆ มากมาย

วันนี้ ไม่ว่าคุณจะใช้คอมพิวเตอร์ที่มี Windows หรือ iPhone คุณจะพบเทคโนโลยี TTS ที่นั่น พร้อมที่จะเปลี่ยนข้อความเป็นเสียง

การเติบโตที่เปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี TTS

ในเส้นทางนี้ TTS ได้กลายเป็นมากกว่าเครื่องมือสำหรับการอ่านออกเสียง มันกลายเป็นวิธีที่ผู้คนสามารถโต้ตอบกับอุปกรณ์ของพวกเขาได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น

ลองจินตนาการถึงการถามคำถามกับโทรศัพท์ของคุณและได้รับคำตอบที่พูดกลับมา นั่นคือ TTS ในการทำงาน มันยังช่วยในด้านอื่นๆ เช่น การอ่านอีเมลหรือข้อความสำหรับคนที่กำลังขับรถ เพื่อให้พวกเขาสามารถมองถนนได้

เทคโนโลยีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องความสะดวกสบาย แต่ยังเกี่ยวกับความปลอดภัยและการเข้าถึงด้วย

เมื่อ TTS ยังคงพัฒนา มันกำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น มันช่วยนักเรียนเรียนรู้ ช่วยเหลือผู้พิการ และแม้กระทั่งทำให้บ้านของเราฉลาดขึ้น

อนาคตของ TTS น่าตื่นเต้น ด้วยความเป็นไปได้ของเสียงที่ฟังดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นและวิธีใหม่ๆ ที่จะช่วยเราในงานประจำวัน 

เทคโนโลยีนี้ ซึ่งเริ่มต้นจากเครื่องมือที่ง่ายๆ สำหรับการอ่านข้อความ ตอนนี้กลายเป็นส่วนสำคัญของวิธีที่เราปฏิสัมพันธ์กับโลกที่อยู่รอบตัวเรา

วิธีการทำงานของ TTS: ด้านเทคนิค

วิธีการทำงานของ TTS น่าสนใจมาก เริ่มต้นด้วยการดูข้อความที่คุณให้มา มันไม่ได้เห็นแค่คำ แต่เห็นเป็นชุดของเสียง 

เสียงเหล่านี้เรียกว่ายูนิตเสียง – มันเหมือนกับบล็อกสร้างของการพูด ระบบ TTS รู้วิธีการรวมเสียงเหล่านี้เพื่อสร้างคำและประโยค

แต่ระบบนี้เปลี่ยนเสียงเหล่านี้เป็นคำพูดได้อย่างไร? มันใช้สิ่งที่เรียกว่าอัลกอริทึม 

อัลกอริทึมของ TTS

ลองนึกถึงอัลกอริทึมเป็นชุดคำสั่งที่ระบบ TTS ปฏิบัติตามเพื่อรู้วิธีการพูดแต่ละเสียงและคำอย่างถูกต้อง มันเหมือนกับการทำตามสูตรในการอบเค้ก ที่แต่ละขั้นตอนอธิบายไว้อย่างละเอียด

ตอนนี้ ส่วนที่น่าทึ่งจริงๆ ของ TTS คือความฉลาดที่มันมี มันสามารถเข้าใจวิธีการพูดภาษาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน ดัตช์ ฝรั่งเศส หรือญี่ปุ่น TTS รู้ว่าภาษาแต่ละภาษาควรฟังอย่างไร

มันใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของการออกเสียงในแต่ละภาษา เช่น การออกเสียงคำในภาษาฝรั่งเศสอาจจะแตกต่างจากภาษาอังกฤษเล็กน้อย และ TTS เข้าใจความแตกต่างเหล่านี้

นั่นหมายความว่าเมื่อ TTS อ่านออกเสียงข้อความ มันจะฟังดูเป็นธรรมชาติ เหมือนคนจริงๆ กำลังพูด ไม่ฟังดูเหมือนหุ่นยนต์หรือแปลกๆ

นี่เป็นเรื่องดีเพราะทำให้ทุกคนเข้าใจสิ่งที่ถูกอ่านออกเสียงได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะพูดภาษาอะไร

การพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วย AI TTS

เทคโนโลยี TTS กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผู้พัฒนา TTS กำลังค้นหาวิธีใหม่ๆ ในการปรับปรุงให้เสียงเหมือนเสียงมนุษย์มากขึ้น

พวกเขาต้องการให้แน่ใจว่าเมื่อคุณใช้ TTS มันจะเป็นประสบการณ์ที่มีประโยชน์และน่าพึงพอใจ

ดังนั้นครั้งต่อไปที่คุณใช้เครื่องมือ TTS ไม่ว่าจะเป็นบนโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ หรือในแอป ลองคิดถึงงานอันชาญฉลาดที่มันทำในการเปลี่ยนข้อความเป็นเสียง มันเหมือนเวทมนตร์ แต่จริงๆ แล้วเป็นเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ทำงานอยู่!

การประยุกต์ใช้ TTS ในหลากหลายสาขา

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี TTS มีความหลากหลายและมีผลกระทบอย่างมาก ในด้านการศึกษา TTS ถูกใช้ในการอ่านรายการคำศัพท์และตำราเรียน ทำให้การเรียนรู้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น

สำหรับผู้ที่มีความพิการ TTS ทำหน้าที่เป็น เทคโนโลยีช่วยเหลือ ช่วยให้พวกเขาเข้าถึงเนื้อหาที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่อาจจะอ่านได้ยาก

ในภาคสุขภาพ TTS มีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นสำคัญ เช่น การอัปเดตวัคซีน COVID-19 หรือการอธิบายคำศัพท์ทางการแพทย์ที่ซับซ้อน เช่น ภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (TTS) ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้ยากที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนบางชนิด เช่น Vaxzevria ของ AstraZeneca ซึ่งมีลักษณะเป็นลิ่มเลือดและจำนวนเกล็ดเลือดต่ำ

นอกจากนี้ เทคโนโลยี TTS ยังพบได้ในแอปพลิเคชันในชีวิตประจำวันบนสมาร์ทโฟน ช่วยในทุกอย่างตั้งแต่การนำทางไปจนถึงการช่วยเหลือเสมือนจริง

นอกจากนี้ยังถูกใช้โดยรัฐบาล (ย่อว่า 'gov' ในโดเมนเว็บ) เพื่อให้บริการที่เข้าถึงได้แก่ประชาชน รวมถึงข้อมูลสุขภาพที่สำคัญเกี่ยวกับวัคซีน เช่น Pfizer และอาการที่ควรระวัง เช่น อาการเจ็บหน้าอกหรือการสร้างแอนติบอดี

อนาคตของเทคโนโลยี TTS

มองไปข้างหน้า อนาคตของเทคโนโลยี TTS น่าตื่นเต้นมาก เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เราสามารถคาดหวังว่า TTS จะเหมือนคนจริงๆ พูดมากขึ้น

มันจะเข้าใจและแสดงอารมณ์ได้ดีขึ้น ทำให้เสียงฟังดูเป็นธรรมชาติและสมจริงมากขึ้น สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะ TTS กำลังร่วมมือกับ AI (ปัญญาประดิษฐ์) และการเรียนรู้ของเครื่อง

เหล่านี้เป็นเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้และตัดสินใจเหมือนมนุษย์ การผสมผสานนี้จะทำให้เสียงดิจิทัลฟังดูเหมือนเสียงมนุษย์

ลองจินตนาการถึงหุ่นยนต์ที่พูดเหมือนเรา หรือแอปบนโทรศัพท์ของคุณที่ฟังดูเหมือนคนจริงๆ กำลังพูด นั่นคือทิศทางที่ TTS กำลังมุ่งหน้าไป

สรุปแล้ว TTS หรือ Text-to-Speech เป็นมากกว่าแค่คำศัพท์เทคโนโลยีที่หรูหรา มันเหมือนกุญแจที่เปิดโลกที่ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ไม่ว่าจะอ่านได้ดีแค่ไหนหรือพูดภาษาอะไร

TTS เริ่มต้นอย่างเรียบง่าย แต่ตอนนี้มันก้าวหน้ามาก และยังคงพัฒนาอยู่ มันน่าตื่นเต้นที่จะคิดว่า TTS จะไปถึงไหนต่อไป

สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ มันจะยังคงทำลายกำแพงและนำสิ่งใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นในโลกของเทคโนโลยีมาให้เรา

สัมผัสพลังของ Speechify Text to Speech บนหลายแพลตฟอร์ม

คุณกำลังมองหาประสบการณ์ความสะดวกสบายของเทคโนโลยี Text-to-Speech บนอุปกรณ์ต่างๆ อยู่หรือเปล่า? Speechify Text to Speech คือทางออกที่คุณต้องการ

ไม่ว่าคุณจะใช้ iOS, Android, PC, หรือ Mac, Speechify ผสานรวมกับอุปกรณ์ของคุณได้อย่างราบรื่น นำเนื้อหาที่เป็นลายลักษณ์อักษรมาสู่ชีวิตด้วยเสียงที่ฟังดูเป็นธรรมชาติ

มันเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟังข้อความขณะเดินทางหรือผู้ที่ต้องการเทคโนโลยีช่วยในการอ่าน

อย่าพลาดเครื่องมือที่ล้ำสมัยนี้ ลองใช้ Speechify Text to Speech วันนี้และเปลี่ยนวิธีที่คุณโต้ตอบกับข้อความ!

คำถามที่พบบ่อย

'VITT' ย่อมาจากอะไร และมีความเชื่อมโยงกับเทคโนโลยี TTS อย่างไร?

VITT ย่อมาจาก Vaccine-Induced Thrombotic Thrombocytopenia เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้ยากซึ่งบางคนอาจเกิดขึ้นหลังจากได้รับวัคซีน COVID-19 บางชนิด

เทคโนโลยี TTS ซึ่งเปลี่ยนคำที่เขียนเป็นคำพูด ช่วยในการอธิบายคำศัพท์ทางการแพทย์ที่ยากอย่าง VITT ทำให้ทุกคนเข้าใจได้ แม้จะไม่ใช่แพทย์หรือพยาบาล

นิวซีแลนด์ใช้เทคโนโลยี TTS ในการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีน COVID-19 หรือไม่?

ใช่ นิวซีแลนด์ใช้เทคโนโลยี TTS ในแคมเปญสุขภาพ โดยเฉพาะสำหรับ COVID-19 TTS ช่วยในการเผยแพร่ข่าวสารและคำแนะนำสำคัญเกี่ยวกับวัคซีน

เป็นประโยชน์มากเพราะทำให้มั่นใจว่าทุกคน รวมถึงผู้ที่มีปัญหาในการอ่าน ได้รับข้อมูลล่าสุดและสำคัญที่สุดเกี่ยวกับวัคซีนและความปลอดภัย รวมถึงผลข้างเคียงที่พบได้ยากอย่าง VITT

มีแอป TTS พิเศษที่ช่วยให้เราเข้าใจคำศัพท์ทางการแพทย์และคำย่อหรือไม่?

มีแอป TTS พิเศษที่ช่วยให้ผู้คนเข้าใจคำศัพท์ทางการแพทย์และคำย่อ แอปเหล่านี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับคำศัพท์ทางการแพทย์

พวกเขานำคำและคำย่อที่ยาก เช่น VITT และอธิบายในวิธีที่เข้าใจง่าย ซึ่งเป็นประโยชน์มากเพราะทำให้ข้อมูลสุขภาพที่ซับซ้อนชัดเจนสำหรับทุกคน

Cliff Weitzman

คลิฟ ไวซ์แมน

คลิฟ ไวซ์แมน เป็นผู้สนับสนุนด้านดิสเล็กเซียและเป็น CEO และผู้ก่อตั้ง Speechify แอปพลิเคชันแปลงข้อความเป็นเสียงอันดับ 1 ของโลก ที่มีรีวิว 5 ดาวมากกว่า 100,000 รีวิว และครองอันดับหนึ่งใน App Store ในหมวดข่าวและนิตยสาร ในปี 2017 ไวซ์แมนได้รับการยกย่องในรายชื่อ Forbes 30 under 30 จากผลงานของเขาในการทำให้อินเทอร์เน็ตเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้ที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้ คลิฟ ไวซ์แมน ได้รับการนำเสนอใน EdSurge, Inc., PC Mag, Entrepreneur, Mashable และสื่อชั้นนำอื่น ๆ